บล.กสิกรไทย: 

PTG OR เน้นไปยังการเติบโตของกลุ่ม non-oil
  • แม้อัตรากำไรน้ำมันถูกกดดันต่อเนื่อง แต่ OR และ PTG คาดว่ายอดขายน้ำมันจะเติบโตขึ้นในปี 68 โดย OR ได้ประโยชน์จากอุปสงค์น้ำมันอากาศยานที่แข็งแกร่ง
  • แม้คาด SG&A/ลิตรจะเพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจ non-oil แต่แนวโน้มกำไรระยะยาวยังดูสดใสหนุนจาก GPM ที่สูงขึ้น
  • คงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มขายปลีกน้ำมัน เนื่องจากคาดว่าความไม่แน่นอนของราคาน้ำมัน จะกดดันอัตรากำไรน้ำมัน และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/68
Investment Highlight
  • มุมมองเป็นกลาง เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มขายปลีกน้ำมันหลังจัดงาน KS C-series ซึ่งเราเชิญผู้บริหารระดับสูงของ OR และ PTG มาแบ่งปันมุมมองต่ออุตสาหกรรม และกลยุทธ์ธุรกิจของแต่ละบริษัท ประเด็นสำคัญที่เราได้รับกลับมามีดังต่อไปนี
  • คาดอัตรากำไรน้ำมันจะยังถูกกดดัน แต่คาดยอดขายน้ำมันจะเติบโตขึ้น ผู้บริหารของทั้ง OR และ PTG คาดว่าอัตรากำไรน้ำมันจะยังถูกกดดันในปี 2568 จากการแทรกแซงของรัฐบาล และความผันผวนของราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ดี ผู้บริหารเชื่อว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโตขึ้น YoY หนุนจากแคมเปญส่วนลด และอุปสงค์น้ำมันอากาศยานที่แข็งแกร่ง โดย OR จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์เช่นนี้ เนื่องจากมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 50% ของตลาดน้ำมันอากาศยานในประเทศ ขณะที่ PTG ไม่ได้ดำเนินธุรกิจนี้
  • การมุ่งเน้นไปยังกลุ่ม non-oil มาพร้อมกับต้นทุนที่สูงในช่วงเริ่มต้น จากแนวโน้มของตลาดขายปลีกน้ำมันที่ยากลำบากเช่นนี้ ทั้ง 2 บริษัทจึงมุ่งเน้นไปยังกลุ่มธุรกิจ non-oil มากขึ้น เพื่อบรรเทาแรงกดดันต่ออัตรากำไรน้ำมัน ซึ่งเราคาดว่าการเปลี่ยนผ่านนี้ จะเพิ่มความท้าทายด้านต้นทุน โดยคาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A ของ OR จะเพิ่มขึ้นจากแผนการลงทุนในแบรนด์ F&B ใหม่ ที่คาดจะประกาศในไตรมาส 3/2568 ขณะเดียวกัน PTG ก็เร่งขยายธุรกิจกาแฟ โดยคาด SG&A จะเพิ่มขึ้นตามการขยายสาขาที่มากขึ้น อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนดังกล่าว จะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรในระยะยาวหนุนจาก GPM ที่สูงขึ้น
  • ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาส่งผลกระทบจำกัดในระยะยาว เราคาดว่ากำไรสุทธิของ OR จะได้รับผลกระทบเล็กน้อย จากคำสั่งห้ามนำเข้าเชื้อเพลิงจากประเทศไทยของกัมพูชา ในขณะที่ PTG ไม่มีธุรกิจกับกัมพูชา โดยการดำเนินงานของ OR ในกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจของบริษัททั้งหมด โดยสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนแค่ 3% ของจำนวนสถานีบริการน้ำมันรวมของ OR และ 2% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวม ซึ่งคิดเป็นแค่ 3-7% ของ EBITDA ของ OR เท่านั้น
มุมมอง KS
  • คงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มน้ำมันปลีก เราคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มขายปลีกน้ำมัน จากแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่ท้าทาย และแนวโน้มกำไรระยะสั้นที่อ่อนตัวลง
  • ทั้งนี้ ความผันผวนของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงระยะสั้นที่รัฐบาลอาจเข้ามาควบคุมอัตรากำไรของธุรกิจขายปลีกน้ำมัน ขณะที่การใช้น้ำมันในประเทศที่น้อยลง เพิ่มแรงกดดันต่อต้นทุนต่อหน่วยท่ามกลางการขยายธุรกิจของกลุ่ม non-oil โดยเราคาดว่าปัจจัยทั้งหมดดังกล่าว จะส่งผลให้กำไรสุทธิของกลุ่มขายปลีกน้ำมันอาจลดลง QoQ ในไตรมาส 2/2568 ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่คาดว่าจะลดลงในช่วงฤดูฝน อาจกดดันกำไรไตรมาส 3/2568 ต่อเนื่อง

- Advertisement -