บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Thaifoods Group (TFG.BK/TFG TB) ร้านค้าปลีกสร้างการเติบโต 

Event : กลับมาเริ่มวิเคราะห์หุ้น TFG อีกครั้ง (Reinitiate coverage)  

Impact 

ไม่เพียงแค่เพียงผู้ผลิตเนื้อสัตว์ แต่ยังเป็นเจ้าของร้านขายปลีกด้วย 

นอกจากการเป็นผู้ผลิตเนื้อสัตว์ในประเทศไทยและเวียดนามแล้ว TFG ยังได้ดำเนินธุรกิจร้านขายปลีกของตนเองภายใต้แบรนด์ “ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต” มาตั้งแต่ปี 2564 ที่สำคัญธุรกิจค้าปลีกได้กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของ TFG โดยมีแผนที่จะเร่งขยายสาขาขึ้นเป็น 600 แห่งในปี 2568F และมีเป้าหมายระยะยาวที่จะขยายเป็น 1,000 สาขา ปัจจุบันนี้ รายได้ของ TFG มาจาก i) ร้านขายปลีก (35% ของรายได้ใน 1Q68) ii) ธุรกิจไก่เนื้อ (29%) iii) ธุรกิจหมู (21%) และ iv) อาหารสัตว์ (15%)

วัฏจักรขาขึ้นของราคาเนื้อสัตว์ใกล้จบแล้ว 

เราได้ทำการวิเคราะห์วงจรราคาเนื้อสัตว์และเชื่อว่าราคาหมูในประเทศกำลังอยู่ในช่วงกลางถึงปลายของวงจรขาขึ้น โดยคาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือทรงตัวประมาณ 85-88 บาท/กก. ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า ส่วนราคาหมูในเวียดนามดูเหมือนจะเข้าสู่ช่วงปลายของวงจรขาขึ้นเช่นกัน โดยคาดราคาอาจทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยเมื่อการเติบโตของอุปทานเริ่มคงที่ สำหรับราคาหมูในประเทศในช่วง 2Q25 อยู่ที่ 86 บาท/กก. (+26% YoY และ +9% QoQ) และราคาหมูในเวียดนามในเดือนเมษายน-พฤษภาคมอยู่ที่ 68,000-69,000 ดอง/กก. (+8% YoY และ +4% QoQ) 

การเติบโตของธุรกิจค้าปลีกช่วยหนุนกำไรในปี 2568F/2569F 

เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568F ของ TFG จะเติบโตอยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท (+77% YoY) แรงหนุนจากยอดขายจากกลุ่มธุรกิจหมูเติบโตดีและจำนวนร้านขายปลีก รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีขึ้นด้วย แม้ยอดขายร้านขายปลีกจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ คาดว่ากำไรปี 2569F จะลดลงอยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท (-19% YoY) จากราคาเนื้อสัตว์และ margin ที่ลดลง สมมติฐานของเราค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมมากกว่าของบริษัท โดยคาดว่าจะมี 500/600 สาขาในปี 2568F/2569F (จำนวนสาขา ณ สิ้น 1Q68 อยู่ที่ 430 สาขา) 

Valuation & action 

เรากลับมาเริ่มวิเคราะห์หุ้น TFG อีกครั้ง โดยประเมินราคาเป้าหมาย 1H69F ที่ 5.00 บาท อิงจาก PE ที่ 5.8x ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต -1 S.D. โดยเราให้คำแนะนำถือ TFG โดยพิจารณาจากการที่มีรายได้หลากหลาย ประกอบกับร้านขายปลีกช่วยชดเชยแรงกดดันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากราคาเนื้อสัตว์ที่ไม่เอื้ออำนวยในปี 2569F รวมทั้งคาด dividend yield สูงราว 7-8% ในปี 2568F-2569F. 

Risks 

ต้นทุนอาหารสัตว์และค่าขนส่งสูงขึ้น เศรษฐกิจชะลอตัวลง และราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ

- Advertisement -