บล.ฟิลลิป:
เอเชีย เอวิเอชั่น – AAV แนวโน้ม 2Q68 อ่อนตัว y-y ตามนักท่องเที่ยวต่างชาติ
Key Point
แนวโน้ม 2Q68 อ่อนตัวลง y-y ตามนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าจีน อาเซียน และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ในประเทศยังโตได้จากการที่ AAV มีส่วนแบ่งตลาดมากสุด คาด 2Q68 ผู้โดยสารลดลงเล็กน้อย
1H68 นักท่องเที่ยวต่างชาติ -4.7% และ ธปท. ลดเป้านักท่องเที่ยวเป็น 35 ล้านคน ต่ำกว่าปี 2567 ปรับกำไรปกติปีนี้ลงจากเดิม 15.9% เป็น 2,317 ล้านบาท -22.9% y-y ปรับราคาพื้นฐานเป็น 1.44 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
2Q68 นักท่องเที่ยวต่างชาติอ่อนตัวลง แต่คนไทยยังโตได้
2 เดือนแรกของ 2Q68 (2M2Q68) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทย -10.7% ที่ 4.81 ล้านคน โดยพบว่าอาเซียน -10.5% ประเทศหลักที่ลดลงคือ มาเลเซีย -11.4% เวียดนาม -34% ลาว -22.3% และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ -36.4% ประเทศหลักที่ลดลงได้แก่ จีน -45.7% เกาหลีใต้ -28.3% ฮ่องกง -23.8% ไต้หวัน -21.7% ขณะที่เอเชียใต้ +17.7% จากอินเดียเป็นหลัก +17.6% และยุโรป +17.5% ประเทศหลัก รัสเซีย +5.9% อังกฤษ +29.7% ฝรั่งเศส +10.4% เยอรมนี +17.9% และ มิ.ย. ททท. รายงานนักท่องเที่ยว -15.2% y-y ที่ 2.32 ล้านคน (ยังไม่มีข้อมูลแยกภูมิภาคและรายประเทศ) ทำให้ทั้ง 2Q68 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ -12.2% ที่ 7.14 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยว 2M2Q68 ที่ 34.41 ล้านครั้ง +1.1% y-y (มิ.ย. ยังไม่ประกาศ)
2Q68 แนวโน้มอ่อนตัวลง y-y ตามนักท่องเที่ยวต่างชาติ
จากข้อมูลนักท่องเที่ยวข้างต้น ตลาดหลักของ AAV ในอาเซียน จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือที่ 1Q68 คิดเป็น 19% 10% และ 10% ของรายได้ คาด 2Q68 ชะลอตัวลงตามนักท่องเที่ยว แต่ก็จะได้เอเชียใต้และในประเทศคิดเป็น 10% และ 51% ของรายได้ที่ยังเติบโตช่วยไว้ได้ส่วนหนึ่ง โดยตลาดในประเทศ AAV มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 42% ในเดือน มี.ค. คาดใน 2Q68 ผู้โดยสารอ่อนตัวลงในช่วง 3-5% y-y จาก 2Q67 ที่มีผู้โดยสาร 4.97 ล้านคน และการลดลงของผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทำให้แนวโน้มรายได้เฉลี่ย/ตั๋วและบริการเสริม/คนอ่อนตัวลงเช่นกัน จาก 2Q67 ที่ 1,920 บาท และ 397 บาท ตามลำดับ จากค่าตั๋วระหว่างประเทศที่สูงกว่าในประเทศและซื้อบริการเสริมมากกว่า และ Load Factor อยู่ที่ 80-85% ในระดับปกติ จาก 2Q67 ที่ 91% ฐานสูงจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นเร็ว แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันเครื่องบิน 2Q68 เฉลี่ยที่ 81.41 ดอลลาร์/บาร์เรล -10.6% q-q และ -18.8% y-y คาดกำไรปกติลดลง y-y ตามทิศทางผู้โดยสาร แต่เงินบาทแข็งค่าขึ้น (อ้างอิงอัตรา ธปท.) จากปิด 1Q68 ที่ 33.91 บาท เป็น 32.53 บาท/ดอลลาร์สิ้น 2Q68 จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาสูงกว่า 2Q67 ที่ 75 ล้านบาท คาดกำไรสุทธิโตได้ y-y และ 2Q68 มีเครื่องบินเพิ่ม 1 ลำ เป็น 62 ลำ จาก 2Q67 ที่มี 57 ลำ
ภาพรวม 2H68 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงต่อเนื่อง แต่คนไทยคาดท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
จากตัวเลขนักท่องเที่ยวหดตัวลงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัวแรงและเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทยที่ในปี 2567 อยู่ 6.73 ล้านคน ใน 6M68 กลับหดตัว 34.1% y-y เหลือ 2.27 ล้านคน นอกจากนี้ มาเลเซีย -8.5% และเกาหลีใต้ -17.4% แต่อินเดีย +13.8% และรัสเซีย +12.4% ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่มาไทย ทำให้นักท่องเที่ยวรวม 6M68 หดตัว 4.7% เป็น 16.68 ล้านคนใน 1H68 ทาง ธปท. ได้ปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิม 37.5 ล้านคน เหลือ 35 ล้านคน -1.5% จากปีก่อนที่ 35.54 ล้านคน โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนหดตัว 35% เหลือ 4.4 ล้านคน จาก 6.73 ล้านคนในปี 2567 แต่ตลาดในประเทศดูดีขึ้นจากมาตรการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่มีจำนวนสิทธิ 5 แสนสิทธิและมีโอกาสเพิ่มเติมได้อีก โดยให้ใช้สิทธิเข้าพักตั้งแต่ 4 ก.ค. – 30 ต.ค.
แม้อาจไม่ได้ประโยชน์โดยตรง เพราะค่าตั๋วเครื่องบินไม่ได้รับการสนับสนุนในโครงการนี้ แต่จะมีนักท่องเที่ยวบางส่วนนำส่วนลดจากค่าที่พักมาใช้เป็นค่าเดินทางรวมถึงค่าตั๋วเครื่องบินด้วย ทิศทางของ AAV ใน 2H68 ก็ยังดูท้าทายอยู่มากจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หดตัว โดยเฉพาะจีน อาเซียน และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 1.44 บาท
จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หดตัวในครึ่งปีแรกและทำให้ ธปท. ปรับลดตัวเลขนักท่องเที่ยวลงทางฝ่ายคาด 1H68 ผู้โดยสารของ AAV ทรงตัวจาก y-y ที่ 10.43 ล้านคน และภาพ 2H68 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ปรับลดคาดการณ์ผู้โดยสารจากเดิม 22.50 ล้านคน เป็น 21.85 ล้านคน +5% y-y และต่ำกว่าผู้บริหารเป้าไว้ที่ 23-24 ล้านคน ซึ่งในประชุมหลังประกาศงบ 2Q68 คาดว่าจะมีการปรับเป้าลง และ 4Q68 จะมีรับเครื่องบินอีก 4 ลำ เป็น 66 ลำ เพื่อรับ high season และสร้างการเติบโตในปี 2569 จากการปรับสมมุติฐานใหม่ คาดรายได้ที่ 51,566 ล้านบาท +4.3% y-y และกำไรปกติที่ 2,317 ล้านบาท -22.9% y-y และต่ำกว่าคาดการณ์เดิม 15.9% ราคาพื้นฐานลงเป็น 1.44 บาท โดยปรับการอิง P/B ที่ 1.35 เท่า (จากเดิม P/B ที่เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง -0.75SD เป็น -1SD) ยังมีส่วนต่างจากราคาพื้นฐานอยู่ คงแนะนำ “ซื้อ”