ไร้ปัจจัยหนุน ตลาดให้น้ำหนักกับเจรจาการค้า
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 165 จุด (-0.37%) ตลาดยังคงถูกกดดันจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และล่าสุดประกาศว่าจะไม่ขยายระยะเวลากำหนดการเก็บภาษี ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.8% ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะผลิตน้ำมันลดลงในปีนี้
Market Outlook
เมื่อวานที่ผ่านมา รัฐมนตรีคลังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าการเก็บภาษีอัตรา 36% จะเริ่มในวันที่ 1 ส.ค. ระหว่างนี้ยังคงอยู่ระดับ 10% และรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังมิได้ปิดการเจรจา ทั้งนี้ ทีม Thailand จะเจรจาต่อเนื่อง ทำงานให้หนักขึ้น พร้อมย้ำว่าจดหมายที่ได้รับเป็นของเก่า ก่อนที่จะยื่นข้อเสนอใหม่เข้าไป ในข้อเสนอใหม่นั้นมีการปรับเปลี่ยนให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ กว่า 90% ปลอดภาษีอากร มีเพียงอีก 10% ที่ไม่สามารถลดภาษีได้เพราะจะกระทบกับผู้ประกอบการภายในประเทศ จึงยังมั่นใจว่าจะเจรจากับสหรัฐฯ และภาษีที่จะเผชิญไม่น่าจะสูงถึง 36%
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่ม BRICS ทางรัฐมนตรีคลังระบุว่าไทยเป็นเพียงกึ่ง Partner ที่เข้าไปสังเกตการณ์ ขณะที่กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 1 ม.ค. – 6 ก.ค. สะสมที่ 17.1 ล้านคน (-5% YoY) จำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียยังคงเป็นอันดับแรกที่ 2.37 ล้านราย แต่จีนลดลงมาเป็นอันดับ 2 ที่ 2.34 ล้านราย (เดิมจีนเป็นอันดับแรก)
สำหรับสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ ๆ นักลงทุนจับตารอดูเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลาย ๆ ประเทศ ล่าสุดทรัมป์เผยว่าจะเตรียมรายงานรายชื่อ 7 ประเทศที่สามารถเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ได้ และเมื่อคืนได้ระบุว่าจากจดหมายต่าง ๆ ที่ส่งไป หลังจากนี้ภาษีศุลกากรจะเริ่มชำระในวันที่ 1 ส.ค. ยังไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ และจะไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยจะไม่มีการต่ออายุออกไป หรือหมายความว่าเมื่อผ่านพ้นวันที่ 1 ส.ค. การเจรจาอาจสิ้นสุดแล้ว ไม่ว่าจะโดนภาษีในอัตราเท่าใดก็จะเผชิญกับอัตราเช่นนั้น
ซึ่งประเทศไทยยังเหลือเวลาให้เจรจาอีก 3 สัปดาห์ แต่หากท้ายที่สุดแล้วเผชิญกับภาษีในอัตรา 36% อาจสร้างความเสียหายกับการส่งออก และต่างชาติที่จะย้ายฐานผลิตมายังประเทศไทยก็อาจจะพิจารณามากขึ้น กดดันกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและส่งออก โดยเฉพาะ ITC TU คืนนี้รอติดตามสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ -1.7 ล้านบาร์เรล
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1100 – 1125 ยังไม่มีปัจจัยหนุน เชื่อว่าจากนี้จนถึงสิ้นเดือนตลาดจะยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน หรือระหว่างทางหากมีผลเจรจาที่พบว่าไทยเผชิญภาษีลดลง หรือใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ อาจเป็นจิตวิทยาเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทย แต่หากยังไม่มีความชัดเจน ตลาดน่าจะยังเคลื่อนไหวแคบ ๆ ขณะที่ต่างประเทศก็ยังไร้ปัจจัยหนุน ทิศทางดอกเบี้ย FED ก็ยังไม่มีสัญญาณผ่อนคลาย โดยตลาดให้น้ำหนักกับเจรจาการค้าแต่ก็พบว่ายังไม่มีทีท่าผ่อนคลาย ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน อาจเลือกสะสมหุ้นปันผลดีที่กำไรมั่นคง (ไม่ผันผวนมาก) อาทิ TISCO BDMS รวมไปถึงหุ้นที่พื้นฐานดีที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ CPALL CPN MINT MTC SAWAD
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท)
MTC เผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยลดลงอาจยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนนักใน 1H25 แต่เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q25 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 1.6 พันล้านบาท (+11.7% YoY, +2.1% QoQ) เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวตามสินเชื่อ กอปรกับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และการติดตามหนี้ที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่า NPL ratio ปรับลดลงเล็กน้อยที่ 2.65% นอกจากนี้ เรามองว่าแนวโน้มกำไรจะเพิ่มสูงขึ้นได้ต่อเนื่องใน 2H25 เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2025 จะเติบโตต่อเนื่อง 14%
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
2Q25 กำไรปกติจะเติบโตสูง QoQ และมีโอกาสเติบโต YoY หนุนจาก 1) แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ด้วยยอดการจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในโซนยุโรปที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หนุน RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 2) โรงแรมในประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ทั้งอัตราการเข้าพัก (Occupancy) และ RevPar อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และ 3) คาดว่ารายได้ธุรกิจร้านอาหารจะฟื้นกลับมาทรงตัว YoY ด้วยยอดขายไอศกรีมมะม่วง เมนูฤดูกาลยอดนิยมที่เริ่มเปิดการขายจาก 1Q25 มาใน 2Q25 เนื่องจากสภาพอากาศต้นปีที่หนาวยาวนานกว่าปีก่อน