ตลาดหุ้นไทยยังถูกจำกัดด้วยภาษีของสหรัฐฯ
Market Update
Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 192 จุด (+0.4%) ได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่สดใส รวมถึงผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.2% นักลงทุนกังวลว่าภาษีกดดันอุปสงค์
Market Outlook
วันพุธที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน มิ.ย. พบว่าปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ต่ำสุดรอบ 28 เดือน สาเหตุเพราะว่าความไม่แน่นอนปัจจัยการเมือง ทั้งคลิปเสียงหลุดกระทบกับความเชื่อมั่นทางการเมือง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ รวมถึงกำลังก่อแรงกดดันต่อประเทศไทย นอกจากนี้ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ผสานกับรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย เป็นอีกแรงกดดันต่อดัชนีความเชื่อมั่น ในขณะที่ช่วงเย็นของวันพุธ อดีตนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกมาแถลงในงาน “ผ่าทางตันประเทศ” ที่จัดโดย Nation ในส่วนของภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อดีตนายกฯ ระบุว่าประเทศไทยไม่ควรยอมสหรัฐฯ จนเกินไป พร้อมเชื่อว่าระยะเวลาที่เหลือ ไทยจะสามารถเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ได้
ด้านปัจจัยต่างประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.27 แสนราย ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.36 แสนราย และลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 2.32 แสนราย นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ พบว่า ทรัมป์ได้ประกาศภาษีนำเข้าใหม่กับฟิลิปปินส์ที่อัตรา 20% เร่งขึ้นจากเดิมที่ 18% แต่ก็ยังนับว่าต่ำกว่าไทยที่ 36% โดยประเทศที่ถูกเก็บภาษีมากสุด ได้แก่ บราซิลที่ 50% คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม โดยรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,100 – 1,120 Upside ตลาดหุ้นไทยยังดูจำกัดจนกว่าจะทราบผลเจรจาการค้า ประกอบกับนักลงทุนจะเริ่มรอติดตามผลประกอบการ 2Q25 ที่จะเริ่มทยอยรายงานตั้งแต่สัปดาห์หน้า เริ่มที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และตามมาด้วย Domestic Play ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนระยะกลางอาจเน้นสะสมหุ้นปันผลสูง ธุรกิจมั่นคง เป็นผู้นำธุรกิจ อาทิ SCB, TISCO, BBL, KBANK รวมไปถึงหุ้นใหญ่ที่น่าสนใจ CPN, CPALL, MINT
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท)
MTC เผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยลดลงอาจยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนนักใน 1H25 แต่เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q25 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 1.6 พันล้านบาท (+11.7% YoY, +2.7% QoQ) เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวตามสินเชื่อ กอปรกับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และการติดตามหนี้ที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่า NPL ratio ปรับลดลงเล็กน้อยที่ 2.65% นอกจากนี้ เรามองว่าแนวโน้มกำไรจะเพิ่มสูงขึ้นได้ต่อเนื่องใน 2H25 เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2025 จะเติบโตต่อเนื่อง 14%
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
2Q25 กำไรปกติจะเติบโตสูง QoQ และมีโอกาสเติบโต YoY หนุนจาก 1) แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ด้วยยอดการจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในโซนยุโรปที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หนุน RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 2) โรงแรมในประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ทั้งอัตราการเข้าพัก (Occupancy) และ RevPar อยู่ในเกณฑ์ที่ดี 3)คาดว่ารายได้ธุรกิจร้านอาหารจะฟื้นกลับมาทรงตัว YoY ด้วยยอดขายไอศกรีมมะม่วง เมนูฤดูกาลยอดนิยม ที่เลื่อนเปิดการขายจาก 1Q25 มาใน 2Q25 เนื่องจากสภาพอากาศต้นปีที่หนาวยาวนานกว่าปีก่อน