บล.กรุงศรีฯ:
KSS Strategist Comment : KSS คงมุมมอง ดังบทวิเคราะห์ 3Q25 Strategy ที่ออกวันที่ 2 กค 2025 ว่า “ตลาดหุ้นไทยน่าจะพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ภาวะ “Deep Value” จะหนุนการฟื้นตัวระยะยาว”
3Q25F Thailand Equity Strategy Anchor: “Global Trade Recalibration and EM Re-Rotation”
สถานการณ์ตลาดและโอกาสการลงทุน
• ตลาดหุ้นไทยอยู่ในโซน “Deep Value” เป็นช่วงปลายของความผันผวน YTD SET Index -20.7%
• ค่า Equity Risk Premium (ERP) พุ่งแตะระดับ 6% คิดเป็น +3SD เมื่อวันที่ 23 มิย 2025 (เทียบกับค่าเฉลี่ยในระยะยาวที่ระดับ 3.53%) กับผลศึกษาในอดีตเมื่อนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเมื่อค่า ERP แตะ 6% วันแรก (ปี2008 และ 2020) จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเมื่อถือครองหุ้นผ่านไป 3 เดือน, 1 ปี และ 2 ปีเฉลี่ย 20%, 63% และ 101% ตามลำดับ ดัชนีที่ปรับฐานครั้งนี้เป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้น
ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของตลาดไทย
- ราคาน้ำมันเป็น Upside ต่อ Market EPS จาก Risk Premium ที่ขยับขึ้น 5เหรียญฯจากรณีฐาน หลังความขัดแย้งอิหร่าน-อิสราเอลไม่ลุกลาม(ราคาน้ำมัน >95เหรียญฯ จึงจะลบต่อกำไรตลาด)
- ราคาสินทรัพย์เสี่ยงโลกส่วนใหญ่พ้นจุดต่ำสุด โดยเฉพาะ EM-Asia หลังพ้นช่วงเลวร้ายที่สุดจาก Tarriff Shocks ไปแล้ว พัฒนาการเชิงบวกด้านการค้า หนุนการกลับสถานะของสินทรัพย์
- วงจรดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯที่จะเริ่มต้นขึ้นไตรมาส 3 นี้ ผสานการผ่อนคลายทางการเงินของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่เร่งตัวสู่ระดับ =/< “Neutral Rate” จะขับเคลื่อนสินทรัพย์ โดย 2H25 ฝ่ายวิจัยธ.กรุงศรีฯ คาด BOT ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง สู่ 1.25%
- ตลาดปรับลงสะท้อนคาดการณ์ GDP ของไทยปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 1.3-1.8% ไปแล้ว vs Krungsri Research คาด +2.1% กรณี GDP ไม่ต่ำกว่ากรอบที่ Cons. จะเป็น Upside ต่อตลาด
แนวโน้มเศรษฐกิจและกระแสเงินทุน
- Fed มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 -3 ครั้งในปี 2025 จากการชะลอตัวเศรษฐกิจ
- คาด ASIA Dollar จะแข็งค่าขึ้น 18 เดือน นับจาก พค 2025 หนุน MSCI-EM Asia Outperform
- เงินทุนเริ่มเคลื่อนย้ายจากสหรัฐฯ ที่มี Premium Valuation สู่ตลาด Laggard เช่น จีน และไทย
ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม
- อิสราเอล-อิหร่านกลับมาปะทุและลุกลาม กดดันราคาน้ำมันดิบเกิน 90-95เหรียญฯต่อบาร์เรล
- ไทยเจรจราลดระดับภาษี Reciprocal Tax ได้ต่ำกว่าคู่แข่งในอาเซียน
- การเมืองภายในกระทบการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2569 ไปปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุน : ปรับเป้าหมาย SET ปี 2025 ลดลงเหลือ 1,370 จุด (จากเดิม 1,418 จุด อิง EPS 87บาท)
คาด SET “ค่อยๆ ฟื้นตัว” ในไตรมาส 3 โดยมี กรอบแนวรับ 1053/1000จุด แนวต้าน 1250/1300จุด
เน้นลงทุน 4 ธีมหลัก : Thailand Rate cut cycle to new CAPEX cycle, Reopening trade, Resilience Business & Seasonal , Value play
หุ้นแนะนำ
- Large Cap: ADVANC, TRUE, GULF, MTC, BDMS, CENTEL, PTTGC, IVL, CPALL, WHA
- Mid-Small Cap: BCH, AMATA, ERW
กองทุนเด่น : เน้นตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย โดย จีน เป็นเป้าหมายหลัก :
Key of China :
i.) Valuation ของดัชนีมีส่วนลดจากดัชนี MSCI EM
ii.) ข้อสรุปการเจรจาการค้าหนุน นโยบายการคลังเดินหน้าเพื่อปกป้อง Downside Risk จับตาจากการประชุม Politburo เดือน กค 2025
iii.) นโยบายจีนเดินหน้าลด Supply ส่วนเกินภาคการผลิต และมุ่งกระตุ้นการบริโภค คาดเม็ดเงินการคลังจะทยอยออกมาประคองการบริโภคเพื่อ “Stability of Growth”
iv.)ทิศทางนโยบายการเงินผ่อนคลาย
- กองทุนต่างประเทศ: จีน ( KF-CHINA, MEGA10CHINA-A) ตลาดเกิดใหม่เอเชีย (KF-EMXCH-A) อาเซียน (KT-ASEAN-A)
- กองทุนหุ้นไทย (KSF100-A, K-MIDSMALL, KFENS50-A)
- กองทุนหุ้นโลก (KFGBRAND-A) ธีมหุ้นเอไอ (MEGA10AI-A), Local Bond (KFAFIX-A)