SABINA คว้าใบประกาศมาตรฐาน Higg ตอกย้ำความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เผยส่งผลดีต่อธุรกิจ OEM หลังลูกค้ายุโรปวางเกณฑ์เลือกผู้ผลิตเน้น ESG เข้มข้น
SABINA คว้าใบประกาศมาตรฐานระดับสากล Higg Facility Environmental Module (FEM) ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความยั่งยืนที่ประเมินความเกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมของโรงงาน ครอบคลุมทั้งระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการใช้น้ำในกระบวนการผลิต และการกำจัดขยะ เผยมาตรฐาน Higg ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงยังส่งผลดีโดยตรงกับธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ที่ปัจจุบัน ลูกค้าในยุโรปวางเกณฑ์ด้าน ESG ในการเลือกผู้ผลิตเข้มข้นมากขึ้น
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า การได้รับใบประกาศมาตรฐานระดับสากล Higg Facility Environmental Module (FEM) เป็นเครื่องยืนยันว่า SABINA มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานรอบด้าน โดย SABINA สามารถผ่านเกณฑ์การประเมินได้อย่างยอดเยี่ยม สะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการแนวคิด “ธุรกิจสีเขียว” ในทุกกระบวนการผลิต ซึ่งจะสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
ทั้งนี้ Higg Index เป็นเครื่องมือการประเมินตนเองที่ถูกพัฒนาโดย Sustainable Apparel Coalition (SAC) เพื่อช่วยให้บริษัทฯ สามารถประเมินการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ทั้งทางด้านพลังงาน น้ำ ขยะ และสารเคมี โดยการประเมินครอบคลุมทั้งระบบการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการวัดความสามารถในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งหมดในโรงงาน การจัดการพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้น้ำในกระบวนการผลิต การจัดการขยะ การจัดการน้ำเสีย การวัดและควบคุมปริมาณการปล่อยอากาศเสีย และการจัดการสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิต
“เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ความทุ่มเทของทีมงานทุกภาคส่วน ทำให้ SABINA ผ่านหลักเกณฑ์และได้รับการรับรองจาก Higg Index ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวจะส่งผลดีต่อความน่าเชื่อถือและความมั่นใจของลูกค้าในช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ทำให้ SABINA มีโอกาสการขยายฐานลูกค้า OEM เพิ่มขึ้นในอนาคต จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 6% ของรายได้ยอดขายรวม เนื่องจากขณะนี้ลูกค้า OEM ของบริษัทฯ ที่อยู่ในยุโรปและสหราชอาณาจักร ต่างให้ความสำคัญกับการเลือกโรงงานผลิตที่นอกจากสินค้าจะต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานแล้ว ผู้ผลิตยังต้องมีมาตรฐานด้าน ESG ทั้งความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ที่เข้มข้นมากขึ้นอีกด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
SABINA จะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่ดีขึ้นเพื่อคนรุ่นต่อไป ภายใต้ความเชื่อที่ว่า แฟชั่นที่ดี ต้องดีต่อโลกด้วยเช่นกัน