Daily Focus: ชะลอความร้อนแรงหลังพุ่งขึ้นช่วง 2 วันก่อนหน้า

2025 SET Target : 1180

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าคาดต่อเนื่อง ปิดบวกได้อีก 17.70 จุด ที่ระดับ 1,161.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 4.8 หมื่นลบ. ยังหนุนจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่อย่างกระจายตัว สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 593 ลบ. (แต่ยังคง Long สุทธิใน Index Futures อีก 7.5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาดว่า SET Index จะเริ่มชะลอความร้อนแรงหลังจากปรับตัวขึ้น 3 วันก่อนหน้าราว 50 จุด โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,150–1,170 จุด ขณะที่ตลาดตอบรับเป็นลบอ่อนๆ กับตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือน มิ.ย. สหรัฐฯ แม้ภาพรวมจะไม่ได้สูงกว่าที่ตลาดคาด แต่เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น 0.2–0.3% m-m สูงกว่าเดือนก่อนหน้า ทำให้ตลาดยังมองว่า FED จะยังรอดูผลกระทบของภาษีทรัมป์ในช่วง 3Q25 โดยมองโอกาสที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ลดลงเหลือ 55% จากช่วงก่อนหน้าที่ราว 60% ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น และกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอ่อนๆ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้า ส่วนพัฒนาการเจรจาการค้าล่าสุดทรัมป์ระบุบรรลุข้อตกลงกับอินโดนีเซียแล้ว โดยจะเก็บภาษีสินค้าอินโดนีเซีย 19% แลกกับสหรัฐฯ ส่งออกไปอินโดนีเซีย 0% ซึ่งต้องติดตามการเจรจาของไทยว่าจะสามารถกดอัตราภาษีลงมาใกล้เคียงคู่แข่งได้หรือไม่ และต้องยอมแลกกับการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อย่างไรบ้าง ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้ ครม. ยังไม่เคาะชื่อผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ ขณะที่การประชุมสภาฯ วันนี้จะพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมต่อจากสัปดาห์ก่อน เรามองสถานะของต่างชาติที่ยังเป็นบวกใน Futures ต่อเนื่อง ยังมีแนวโน้มที่ SET Index จะทยอยไต่ระดับขึ้นสู่เป้าดัชนีที่ 1,180 จุด หรือแนวจิตวิทยาที่ 1,200+/- จุดได้ ก่อนกลับมาโฟกัสผลกระทบทางเศรษฐกิจอีกครั้งในเดือน ส.ค. ซึ่งหากไทยไม่สามารถปรับลดอัตราภาษีลงได้จาก 36% มีโอกาสที่จะเป็นแรงขายกลับมากดดันอีกครั้ง

กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q25 แข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน ก.ค.: ITC, KCE, NEO, OSP, SCGP

FSSIA Portfolio: BA, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) TISCO กำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.64 พันลบ. ทรงตัว q-q, -6% y-y ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 4–5% หลักๆ มาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เช่น รายได้ประกัน และเงินสมทบ “คุณสู้ เราช่วย” สินเชื่อเติบโต 1.4% YTD จากกลุ่มบริษัทและเช่าซื้อรายย่อย คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมทรงตัว NPL อยู่ที่ 2.41% กำไร 1H25 อยู่ที่ 3.28 พันลบ. คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี 2025 ราคาเป้าหมาย 95 บาท ยังเป็นหุ้นปันผลดีสม่ำเสมอ คงคำแนะนำ “ถือ”

(+) SCGP เราคาดกำไร 2Q25 ที่ 947 ลบ. +3% q-q แต่ -37% y-y จากปริมาณการขายที่ยังทำได้ดี โดยเฉพาะที่เวียดนาม ส่วนอินโดนีเซีย (Fajar) ปรับราคาขายขึ้นได้ 2 ครั้งโดย demand ไม่หดหาย อัตรากำไรขั้นต้นยังประคองตัวได้ดีและอาจดีกว่า 1Q25 เล็กน้อย รวมถึงแรงหนุนจากการปรับโครงสร้างทางการเงิน Fajar แล้วเสร็จเมื่อต้นเดือน ก.ค. ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายของ Fajar ลดลงอย่างมีนัยยะ ด้านผลกระทบจาก US tariff ยังเชื่อว่าจำกัด คงคำแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย 29 บาท

(0) SAPPE คาดกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 270 ลบ. +21% q-q, -34% y-y จากรายได้ที่คาดฟื้นตัว 25% q-q หนุนจากคำสั่งซื้อที่กลับมาในทุกภูมิภาค ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะลดลงอยู่ที่ 45% จาก 46% ใน 1Q25 แม้ต้นทุนวัตถุดิบปรับลง แต่ไม่สามารถชดเชยจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าได้ ส่วนค่าใช้จ่ายคาดลดลง y-y เนื่องจากไม่มี Presenter แนวโน้ม 3Q25 แม้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวในตลาด EU แต่ยังต้องจับตาโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ และตะวันออกกลาง เรายังคงประมาณการทั้งปี 2025 ที่ 995 ลบ. –21% y-y คงราคาเป้าหมาย 40 บาท และแนะนำ “ถือ”

(-) DOHOME คาดกำไร 2Q25 ที่ 160 ลบ. ลดลง 16.5% y-y และ 34.4% q-q โดยแรงกดดันหลักมาจากรายได้รวมที่คาดว่าจะลดลง 8% y-y สอดคล้องกับ SSSG และ SG&A ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดดีขึ้นมาอยู่ที่ 18.0% จาก 17.5% ใน 2Q24 หนุนจาก product mix, GPM เหล็ก และสินค้ากลุ่ม house brand ดีขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรน่าจะมี downside จาก consensus ราว 5–10% ด้านกำไร 3Q25 คาดลดลง q-q ตาม seasonal แต่อาจโต y-y จากฐานต่ำ

(-) HMPRO คาดกำไร 2Q25 อยู่ที่ 1,350 ลบ. -16% y-y และ -21% q-q ภาพรวม operation soft ลงเกือบทุกบรรทัด กดดันจาก SSSG -8.5% y-y จากฝนตกหนักและกำลังซื้อที่อ่อนแอ และ GPM คาดอยู่ที่ 25.9% ลดลงจาก 26.3% ใน 1Q25 จาก back GPM แย่ลง และ SG&A เพิ่มขึ้น แนวโน้ม SSSG MTD ยังลดลงราว 5% ใกล้เคียงเดือน มิ.ย. ภาพรวมคาดกำไรตลาดยังมี downside ราว 6–7% แนวโน้มกำไร 3Q25 โต q-q จากฐานต่ำ แต่คาดยังลดลง y-y

(-) GLOBAL คาดกำไร 2Q25 อยู่ที่ 530 ลบ. -31% y-y และ -15% q-q โดยปัจจัยกดดันมาจาก operation ที่ soft ลงทั้งหมดจากทั้งยอดขายรวมคาดลดลง 5% y-y SSSG -10% และคาด GPM อยู่ที่ 25.5% ลดลงจาก 26.6% ใน 2Q24 กดดันจากการทำ promotion ในเหล็กและฐานสูงช่วง 2Q24 SG&A ที่เพิ่มขึ้น และ share of profit ที่ลดลง y-y คาดกำไรทั้งปี 2025 ยังมี downside จาก consensus ราว 5% และแนวโน้มกำไร 3Q25 คาดลดลง y-y และ q-q

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 436.36 จุด หรือ -0.98%, ปิดที่ 44,023.29 จุด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาดในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดีดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้น NVIDIA

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่นักลงทุนรอติดตามข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–สหภาพยุโรป (EU) และประเมินข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุด

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอินโดนีเซีย

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.23%

(-) ราคาน้ำมัน NYMEX ลดลง 46 เซนต์ หรือ -0.69% ปิดที่ 66.52 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศให้เวลารัสเซีย 50 วันในการยุติสงครามในยูเครน

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 22.4 ดอลลาร์ หรือ -0.67% ปิดที่ 3,336.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ และตัวเลข CPI ที่สูงเกินคาด เช้านี้ลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 3,354.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.15%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 947.64/-

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

16 ก.ค.สหรัฐ: Core PPI (มิ.ย.)
17 ก.ค.สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)

ญี่ปุ่น: เงินออก (มิ.ย.)

18 ก.ค.ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (มิ.ย.)

สหรัฐ: Housing Startas (มิ.ย.)

20 ก.ค.จีน: Loan Prime Rate 1Y
22 ก.ค.สหรัฐ: Fed Chair Powell Speech
- Advertisement -