KS Daily View 16.07.2025 >>> สหรัฐฯ ลดภาษีอินโดฯ เหลือ 19% ส่งผลจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบกลุ่มส่งออก กลุ่มนิคมฯ คาด SET วันนี้ 1,145-1,165 จุด แนะนำ TRUE และ PRM
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 ลดลง 0.40%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.18%, และ Dow Jones ลดลง 0.98% โดย ดัชนี Nasdaq Composite ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้น Nvidia ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีอื่นๆ ปรับตัวลดลง เนื่องจากรายงานอัตราเงินเฟ้อที่รายงานออกมาสูงกว่าที่คาดและภาพกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ดูชะลอตัวลงใน 2H25
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,161.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.70 จุด (+1.55%) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, และกลุ่มขนส่ง ในวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway down อยู่ในกรอบ 1,145-1,165 จุดจากปัจจัยเชิงลบที่เพิ่มเข้ามาหลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยผ่าน Truth Social ว่าสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับอินโดนีเซีย โดยกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอินโดนีเซียที่ 19% ลดลงจากระดับที่เคยประกาศไว้ที่ 32% แลกกับสินค้าสหรัฐที่ส่งออกไปอินโดนีเซียจะได้รับการยกเว้นภาษี ที่อาจเป็นแรงกดดันต่อความสามารถการแข่งขันการส่งออกของไทยที่ถูกจำกัดด้วยอัตราภาษีที่ระดับ 36% อาจส่งจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบต่อกลุ่มส่งออกและกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและพื้นฐานแข็งแกร่งอย่าง TRUE และ PRM
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1)รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังพิจารณาการจัดเก็บภาษีส่งออกถ่านหินเฉพาะในช่วงที่ราคาสูง โดยอยู่ระหว่างการกำหนดระดับราคาขั้นต่ำที่จะใช้เป็นเกณฑ์ และอาจนำมาใช้กับการส่งออกทองคำด้วย ที่อาจส่งผลให้ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น มองเป็นลบกับ GPSC และ WHAUP
2)ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยผ่าน Truth Social ว่าสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับอินโดนีเซีย โดยกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอินโดนีเซียที่ 19% ลดลงจากระดับที่เคยประกาศไว้ที่ 32% พร้อมกำหนดให้มีการบวกภาษีเพิ่มหากมีการส่งผ่านสินค้าจากประเทศที่เก็บภาษีสูงกว่า ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียตกลงซื้อพลังงานจากสหรัฐมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าเกษตร 4,500 ล้านดอลลาร์ และเครื่องบินโบอิ้ง 50 ลำ (รวมรุ่น 777) โดยสินค้าสหรัฐที่ส่งออกไปอินโดนีเซียจะได้รับการยกเว้นภาษี มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกับหุ้นกลุ่มส่งออกของไทย จากแนวโน้มของไทยอาจเสียเปรียบทางการค้าจากอัตราภาษีที่สูงกว่า
3)เงินเฟ้อสหรัฐฯ ขยับขึ้นในเดือน มิ.ย. แตะ 2.7% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 2.6% YoY โดยการเร่งตัวของเงินเฟ้อในครั้งนี้สะท้อนถึง ผลกระทบเบื้องต้นจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเริ่มส่งผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจ จากราคาพลังงาน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้า ที่สูงขึ้น ด้วยอัตราเงินเฟ้อยังอยู่เหนือกรอบเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จึงอาจ จำกัดพื้นที่ในการลดดอกเบี้ยเชิงรุก และตอกย้ำท่าทีระมัดระวังของ Fed
4)รฟท. จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ–หนองคาย ซึ่งเป็นความร่วมมือไทย–จีน ซึ่ง ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ–โคราช (250.77 กม.) คืบหน้า 45.65% และ ระยะที่ 2 โคราช–หนองคาย (357.12 กม.) มีการออกแบบแล้วเสร็จรวมไปถึงผ่าน EIA และ ครม.อนุมัติแล้ว เตรียมประกวดราคางานระบบวงเงิน 80,000 ล้านบาท มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่าง CK และ STECON
5)ORIเปิดเผยว่า บริษัทสามารถปิดดีลขายพื้นที่รีเทลทั้งชั้นในโครงการมิกซ์ยูส “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ให้แก่นายอังเดร คู ทายาทตระกูลมหาเศรษฐี Koo แห่งไต้หวัน เจ้าของกลุ่มธุรกิจ Chailease Group โดยมีแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์รวมร้านอาหารระดับโลก ดีลนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติระดับมหาเศรษฐีต่อศักยภาพโครงการของ ORI และชี้ให้เห็นถึงความต้องการโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบฟรีโฮลด์ในไทย
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
TRUE: ราคาพื้นฐาน 13.16 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE หลังจาก กสทช. ได้รับรองผลการประมูลคลื่นความถี่รวม 4 ย่าน ได้แก่ 850MHz, 1500MHz, 2100MHz และ 2300MHz หลังผลการประมูลในภาพรวมเป็นบวก การแข่งขันไม่ได้รุนแรงเท่าที่คาดไว้ โดยที่ TRUE ชนะประมูลคลื่น 2300MHz ราคาต่ำกว่าที่เราคาดไว้ถึง 37% อีกทั้งมีการประมูล 1500MHz เหนือความคาดหมาย หนุนให้ TRUE ได้คลื่นเพิ่มมากถึง 90MHz ทำให้ถือคลื่น mid-band รวมสูงถึง 280MHz จะส่งผลบวกกับคุณภาพการให้บริการ และความสามารถในการแข่งขันในช่วงหลายปีข้างหน้า จนกว่าคลื่น 3500MHz จะเปิดให้ใช้งานในช่วงปี 2029 หรือ 2030
PRM: ราคาพื้นฐาน 8.45 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PRM จากแนวโน้มของกำไร 2Q25 จะฟื้นตัว QoQ ที่ 541 ลบ. จาก1) อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ 2) จำนวนเรือจัดเก็บสินค้าแบบลอยน้ำ (FSU) ที่เพิ่มขึ้น และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากเรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมัน (AWB) และเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน (FSO) เต็มไตรมาส แต่คาดกำไรจะลดลง 15% YoY จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากรายได้จากทุกหน่วยธุรกิจเป็นดอลลาร์สหรัฐ และ จำนวนเรือ FSU ที่ลดลง ในขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถซื้อหุ้นคืนได้อีกมากถึง 102 ล้านหุ้น หลังมีซื้อหุ้นคืนไปแล้วประมาณ 73.6 ล้านหุ้น และคาดว่าบริษัทจะให้ dividend yield ปี 2025 ที่ระดับ 8.33%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐ (US Industrial production) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.1% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.2% MoM
- วันพฤหัสบดี ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ดัชนียอดค้าปลีก (US retail sales) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.1% MoM เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.9% MoM ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.33 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.27 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.3% YoY ลดลงเดือนก่อนหน้าที่ +3.5% YoY และเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 3.3% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วยรายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.295 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.256 ล้านหลัง ต่อด้วย รายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits) ของสหรัฐ เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.388 ล้านหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.394 ล้านหลัง