บล.พาย:

BBL: Bangkok Bank PCL

กำไรสุทธิใน 2Q25 ตามคาด

ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” และลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 149.00 บาท (เดิม 160 บาท) จากการปรับลดความสามารถการทำกำไรลง ประเมินด้วยวิธี GGM (ROE 7.5%, Terminal growth 2%) อิงกับ 0.48x PBV’25E ความเสี่ยงเศรษฐกิจสูงขึ้นทำให้แนวโน้มภาระสำรองหนี้ฯ จะสูงขึ้นมากกว่าคาด ทำให้ปรับลดแนวโน้มการเติบโต และความสามารถการทำกำไรลง โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะปรับลดลง 0.5% ในปี 2025 และลดลงต่อเนื่อง 5% ในปี 2026 มุมมองแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H25 คาดกำไรสุทธิจะอ่อนตัวลงทั้ง HoH และ YoY ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันราคาหุ้น อย่างไรก็ดี งบดุลที่แข็งแกร่ง Valuation ไม่แพง และคาดผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ราว 5.8% ในปี 2025 เป็นปัจจัยจำกัดความผันผวนสูงของราคาหุ้นได้

กำไรสุทธิใน 2Q25 ทรงตัว YoY แต่ลดลง QoQ

  • กำไรสุทธิใน 2Q25 ออกมาตามคาดที่ 12.6 พันล้าน (+0.3% YoY, -6.2% QoQ) โดยกำไรลดลง QoQ เนื่องจาก (1) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง (-11% YoY, -20% QoQ) จากค่าธรรมเนียมการอำนวยสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมลดลงตามฤดูกาล (2) สำรองหนี้ฯ สูงขึ้น และ (3) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อย แม้ว่าผลรวมของการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) จะสูงขึ้นเป็น 5.6 พันล้านบาท (+145% YoY, +15% QoQ)
  • ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงที่ 2.8% (-21 bps YoY, -4 bps QoQ) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อ (loan yield) ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • สินเชื่อปรับลดลง 0.3% QoQ (-0.3% YoY) แต่สินเชื่อใน 1H25 ยังขยายตัว 0.7% YTD จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่
  • หนี้เสียปรับสูงขึ้น ทำให้ NPL ratio ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.2% แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และ Coverage ratio ปรับลดลงที่ 283.6% เป็นระดับแข็งแกร่ง และสูงสุดในกลุ่มธนาคาร โดย Credit cost ปรับขึ้นเป็น 158 bps (+5 bps YoY, +24 bps QoQ) เพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนหลายประการ เช่น นโยบายการค้ากับสหรัฐ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง

ภาระสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นจากความเสี่ยงเศรษฐกิจสูงขึ้น

  • การควบคุมคุณภาพสินเชื่อเป็นเรื่องหลักเหนือการเติบโตภายใต้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินยังมีความจำเป็น และอาจเห็นอัตราดอกเบี้ยในประเทศปรับลดลงต่อเนื่องใน 2H25 นอกจากนี้ เราคาดว่าภาระสำรองหนี้ฯ จะสูงกว่าคาด เพราะความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สูงขึ้น เราปรับ Credit cost เพิ่มเป็น 1.3%/1.2% จากเดิม 1.1%/1.05% ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้น 10%/5% ในปี 2025-26 ตามกำไรจากพอร์ตลงทุนที่สูงกว่าคาด
  • ดังนั้น ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2025/26 ลง 1%/8% ทำให้คาดกำไรสุทธิในปี 2025 จะลดลง 0.5% และลดลงต่อเนื่อง 5% ในปี 2026

 

- Advertisement -