บล.กรุงศรีฯ: 

KSS Strategist Comment: Trade Deal Update รมว. คลังได้สัญญาณตอบรับการเจรจาการค้า USTR ทางบวก มีโอกาสได้ภาษี 20% กรณีดังกล่าวจะช่วย Effective Tariff Rate (ภาษีนำเข้าถ่วงน้ำหนักสินค้าสหรัฐฯนำเข้าจากแต่ละประเทศ) ไทยได้เปรียบอาเซียน หนุนหุ้นกลุ่ม Reopening Trade 

Fact: รมว. คลังได้สัญญาณตอบรับการเจรจาการค้า USTR ทางบวก ตอบรับเชิงข้อเสนอปรับปรุงอย่างมีนัยฯ (Substantially Improve) ทำให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อโอกาสได้ภาษีใกล้อาเซียนชาติอื่น <20% (ที่มา: https://www.khaosod.co.th/economics/news_9853995)

Key Ideas:

  • เราประเมินเป็นภาพบวก เพราะอยู่ในกรอบต่ำกว่ากรณี Base Case ที่เรามองจะโดนเก็บภาษี 22-25%
  • อิง 4 กรณีที่เราประเมินมุมมองการแข่งขันใหม่ ผ่านการอิง Effective tariff rate (คำนวนณใช้ภาษีนำเข้าถ่วงน้ำหนักตามสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าแต่ละประเทศนั้น เพื่อสะท้อนความถูก – แพงในมุมมองผู้บริโภคสหรัฐฯ) โดยสรุประดับภาษีที่ไทยเสี่ยงเสียศักยภาพแข่งขันด้วยแนวทางดังกล่าวจะอยู่ที่เกินกว่า 25%

4 ฉากทัศน์ที่เราประเมินใหม่ รายละเอียดดังนี้

1.) ไทยได้ดีล Reciprocal Tariff 15–18% 

    • Effective Tariff Rate(ETR) ของไทยสุทธิจะอยู่ราว 17-18% ต่ำกว่าอินโดนีเซีย(ETR 26%)และเวียดนาม(ETR 18.4%)   
    • คาด SET จะตอบรับทางบวก Bullish  +5% ไปซื้อขาย 1260-1300 จุด

กลยุทธ์

    • เน้นนิคมฯ WHA, AMATA  รับ FDI China plus 1   Export Tech  เน้น DELTA, KCE, HANA :  ส่งออก  TU, ITC, AAI, STA  
    • กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน) COM7, ADVICE, SYNEX, BE8, BBIK, GULF, GPSC, PTTGC, CPF (กรณีไม่นำเข้าสุกร – ไก่) 
    • กลุ่มInfra + Import Technology Play  กรณีไทยมีข้อเสนอพิเศษเปิดสหรัฐฯลงทุน Data Center ใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง GULF, ADVANC  

2.) ไทยได้ดีลภาษี Reciprocal Tariff 19-22% 

    • ETR ของไทยจะอยู่ราว 19% ต่ำกว่าระดับอินโดนีเซีย ETR 26% แต่ใกล้เคียงกับเวียดนาม
    • คาด SET จะปรับขึ้นแคบๆ 2-3% กรอบ 1230-1260 จุด

กลยุทธ์

    • Selective Reopening Trade ที่ Deep Value อาทิ Export: KCE, HANA   นิคมฯ WHA, AMATA
    •  กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน)  ADVANC, COM7, ADVICE, INSET นำเข้าก๊าซ :PTTGC, GULF, GPSC, BGRIM

3.) ไทยได้ดีลภาษี Reciprocal Tariff  22-25% 

    • Effective tariff rate ของไทยจะอยู่ราว 21% ดีกว่าอินโดนีเซีย และแต่ยังแข่งกับเวียดนามได้
    • ประเมินเป็นกลาง SET แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่บริเวณ 1200-1230+/-จุด

กลยุทธ์

    • หุ้นเด่นเน้น กลุ่มDomestic Defensive: BDMS, CPALL  โรงไฟฟ้า: GULF, GPSC    เปิดเมือง–ท่องเที่ยว: MINT, CENTEL  กลุ่ม เช่าซื้อ  KTC, MTC

4.) ไทยไม่ได้ดีล ภาษี Reciprocal Tariff 1 สค คง 36% (แย่กว่าอินโดนีเซียและเวียดนาม) 

    • ETR ของไทยจะอยู่ 25% ดีกว่าอินโดนีเซียเล็กๆที่ 26% แต่เสียเปรียบเวียดนาม 18.4%
    • ประเมินเป็นลบเทียบกับความคาดหวังตลาดในปัจจุบัน SET มีโอกาสปรับฐานลงไปแกว่งบริเวณ 1120-1150   จุด 

กลยุทธ์

    • เน้นหุ้นดอกเบี้ยลดแบบเร่งลดผลกระทบเศรษฐกิจ  KTC, MTC High Yield ADVANC, AP   หนี้สูง อาทิ TRUE,  MINT, CPALL Defensive: GULF, BCPG    กลุ่ม Healthcare BDMS, BCH, CHG   ท่องเที่ยว CENTEL, ERW
    • โอกาสได้ภาษีระดับเดียวกับอาเซียนจะเข้าสู่กรอบฉากทัศน์ที่ 2 มากขึ้น (*/+)

Strategy: เราคาด SET จะเริ่มตอบสนองทางบวกต่อสัญญาณดังกล่าว และขยับขึ้นสู่กรอบซื้อขาย 1230-1260 จุด โดยมีหุ้นในชุด Reopening Trade นำตลาด 

  • Selective Reopening Trade ที่ Deep Value อาทิ Export: KCE, HANA   นิคมฯ WHA, AMATA 
  • กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน)  ADVANC, COM7, ADVICE, INSET นำเข้าก๊าซ :PTTGC, GULF, GPSC, BGRIM
- Advertisement -