บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย):

Chularat Hospital (CHG TB)

มูลค่าหุ้นไม่แพง พร้อมโอกาส Re-rating

คงคำแนะนำ “ซื้อ” เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ CHG โดยปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 2.20 บาทต่อหุ้น เรามองว่า CHG เริ่มกลับมาน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยกดดันหลัก เช่น รายได้เงินสดที่อ่อนแอ และรายได้จากการผ่าตัดกระเพาะที่ลดลง เริ่มคลี่คลาย โดยรายได้เงินสดคาดว่าจะกลับมาเติบโตในไตรมาส 2/68 และรายได้จากการผ่าตัดกระเพาะน่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/68 จากจำนวนคิวรอผ่าตัดที่สูงในปัจจุบัน เราคาดว่ากำไรครึ่งหลังของปี 68 จะเติบโตทั้ง YoY และ HoH รวมถึงคาดการณ์ CAGR ของกำไรสุทธิปี 67–70 ที่ 7% นอกจากนี้ CHG ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มอยู่ที่ 4.4% ในปี 68 และเทรดที่ระดับ P/E ปี 68 เพียง 17 เท่า พร้อมโอกาส Re-rating หลังเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว

คาดกำไร 2/68 โตทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้เงินสดกลับมาเติบโต

เราคาดว่า CHG จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ในวันที่ 15 ส.ค. ที่ 233 ล้านบาท (+21% YoY, +3% QoQ) การโต YoY, QoQ หนุนหลักจากรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเราคาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 2.06 พันล้านบาท (+4% YoY, +4% QoQ) รายได้เงินสดคาดว่าจะกลับมาเติบโต 4% YoY จากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติ (จากตะวันออกกลาง และเมียนมา) การขาดทุนที่โรงพยาบาลแม่สอดลดลงเหลือ –10 ล้านบาท (เทียบกับ –25 ล้านบาท/–15 ล้านบาท ในไตรมาส 2/67 และ 1/68) และความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในหลายโรงพยาบาล ขณะที่รายได้จากประกันสังคม (SSO) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4% YoY จากฐานต่ำที่มีการกลับรายการรายได้จาก RW>2 จำนวน 53 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไร EBITDA คาดว่าจะอยู่ที่ 20.1% เพิ่มขึ้นจาก 15.4% และ 19.9% ในไตรมาส 2/67 และ 1/68 ตามลำดับ โดยดีขึ้น YoY จากฐานต่ำของปีก่อนจากการกลับรายการ RW>2 และการประหยัดจากขนาด

แนวโน้ม 2H68 ดีขึ้นจากรายได้ผ่าตัดกระเพาะที่ฟื้นตัว

เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มครึ่งหลังของปี 68 โดยคาดว่าจะเติบโตทั้ง YoY และ HoH โดยได้รับแรงหนุนจาก 1) การฟื้นตัวของรายได้จากการผ่าตัดกระเพาะ ซึ่งคาดว่าจำนวนเคสจะกลับมาใกล้ระดับปกติที่ประมาณ 450 รายต่อไตรมาส ขณะที่ปัจจุบันมีคิวรอมากกว่า 350 ราย (หลังจากที่รายได้ในครึ่งแรกของปีหดตัวลงถึง 50% จากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย SSO) 2) ไตรมาส 3 เป็นช่วง High Season และไตรมาส 4 มีฐานต่ำจากการกลับรายการรายได้ RW>2 จำนวน 106 ล้านบาทในปีก่อน 3) ผลประโยชน์ทางภาษีจำนวน 60 ล้านบาทที่คาดว่าจะรับรู้ในไตรมาส 3 หรือ 4/68 จากการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์

ปรับประมาณการกำไรปี 68–70 +2%/-4%/-6% ตามลำดับ

เราปรับประมาณการกำไรหลักปี 68 ขึ้นเล็กน้อย 2% เพื่อสะท้อนประโยชน์ทางภาษี 60 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรปี 69–70 ลง 4–6% จากการปรับลดสมมติฐานรายได้ลง 6–7% โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงขึ้น โดยรวมแล้ว เราคาดว่า CAGR ของกำไรสุทธิในปี 67–70 จะอยู่ที่ 7% หนุนโดยรายได้ที่ 4% CAGR และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากรายได้เงินสดและ SSO ที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มเตียง และความซับซ้อนของเคสผู้ป่วยที่สูงขึ้น

 

- Advertisement -