KS Daily View 23.07.2025 >>> เจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯยังล่าช้า สหรัฐฯ ปิดดีล! ภาษีฟิลิปปินส์ 19% ญี่ปุ่น 15% คาด SET Index ในกรอบ 1,175-1,195 จุด แนะนำ CKP และ OSP
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.06%, Nasdaq Composite ลดลง 0.39%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.40% หลังจากหุ้นเจเนอรัลมอเตอร์ส (GM) ร่วงลงอย่างหนักหลังจากที่บริษัทรถยนต์รายนี้รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่นักลงทุนให้ความสนใจกับรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุดและไตรมาสถัดไป และจับตาดูสัญญาณความคืบหน้าในการหารือการค้าระหว่างสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,191.75 จุด ลดลง 16.38 จุด (-1.36%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มพลังงาน, กลุ่มค้าปลีก, และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ในวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยแกว่งตัว sideway down ในกรอบ 1,175-1,195 จุด จากตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ รวมไปถึงผลการเจรจาการค้าของไทยและสหรัฐที่ล้าช้าอาจเป็นแรงกดดันระยะสั้นต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่ประเทศใกล้เคียงอย่างฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นถูกเก็บที่อัตรา 19% และ 15% ตามลำดับ โดยเฉพาะการนำเข้าสิ้นค้าเข้าสู่ฟิลิปปินส์ไม่ต้องเสียภาษี ในส่วนการพรีวิวผลประกอบการ 2Q25 ของ HANA มีแนวโน้มที่จะชะลอตัว YoY, QoQ จากการแข็งค่าของเงินบาท ที่อาจส่งจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในระยะสั้น ส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มของผลประกอบการแข็งแกร่งใน 2Q25 และต่อเนื่องไปใน 3Q25 อย่าง CKP และ OSP
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1)สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์เป็น 19% หลังการพบปะอย่างอบอุ่นกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ที่ทำเนียบขาว โดยสหรัฐฯ จะส่งออกสินค้าเข้าสู่ฟิลิปปินส์โดยไม่ต้องเสียภาษี (Zero Tariff) ขณะที่มาร์กอสยืนยันความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ และแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างเศรษฐกิจและพัฒนากองทัพของฟิลิปปินส์ ในขณะเดียวกันนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะขยายเส้นตายการเจรจาการค้ากับจีน ที่จะหมดอายุในวันที่ 12 ส.ค. นี้ โดยเดินทางไปเจรจาต่อที่กรุงสตอกโฮล์มในสัปดาห์หน้า
2)ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงทางการค้า “ครั้งใหญ่” กับญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดให้มีการเรียกเก็บภาษีแบบต่างตอบแทน (reciprocal tariffs) ที่อัตรา 15% สำหรับสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นมายังสหรัฐฯ พร้อมเปิดตลาดญี่ปุ่นให้กับสินค้าสหรัฐฯ ทั้งยานยนต์ ข้าว สินค้าเกษตรอื่น ๆ และหมวดอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังตกลงลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์ โดยสหรัฐฯ จะได้รับผลกำไรมากถึง 90% จากการลงทุนดังกล่าว
3)EU กำลังพิจารณา “มาตรการต่อต้านการบีบบังคับ” มาใช้กับ “ภาคบริการของสหรัฐ” หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐโดยจะจำกัดการนำเข้าส่งออก การตัดสิทธิของบริษัทอเมริกันในโครงการจัดซื้อจัดจ้าง และการควบคุมการลงทุนจากสหรัฐ โดยเฉพาะในบริการดิจิทัลที่สหรัฐได้เปรียบดุลการค้า หากมีการนำมาตรการดังกล่าวมาใช้อาจนำไปสู่ trade war ที่เป็นลบเชิงจิตวิทยาการลงทุนต่อกลุ่มเดินเรือ PSL และ RCL
4)ครม.เคาะเลือกคุณวิทัย รัตนากร เป็นผู้ว่าธปท.คนถัดไป เริ่มงาน 1ต.ค.นี้ ที่มีแนวคิดส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ การลดดอกเบี้ยเงินกู้ อีกทั้งคุณวิทัยให้ความเห็นแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยให้ลูกหนี้ตัดเงินต้นได้มากขึ้นแม้จ่ายเท่าเดิม และช่วยบรรเทาภาระหนี้ของครัวเรือน ซึ่งคุณวิทัยมองว่า การลดดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือสำคัญและจำเป็นในการลดหนี้ครัวเรือน โดยมองเป็นบวกระยะสั้นกับกลุ่มการเงิน อสังหา และค้าปลีกจากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางต่ำลง
5)อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์การผลิตและการตลาดไก่เนื้อในประเทศช่วง 1H25 โดยราคาจำหน่ายเฉลี่ยที่หน้าฟาร์มอยู่ที่ 40.76 บาทต่อกิโลกรัม ลดลง 6.86% จากปี 2567 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะกากถั่วเหลืองลดลง อย่างไรก็ตามสำหรับการส่งออกไก่เนื้อในช่วงเดียวกัน มีปริมาณ 651,652 ตัน เพิ่มขึ้น 7% YoY และมูลค่า 83,797 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoYมองเป็นบวกกับ GFPT
Daily pick
CKP: ราคาพื้นฐาน 3.70 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกกับ CKP จากแนวโน้ม ผลประกอบการ 2Q25 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 632 ลบ. เพิ่มขึ้น 755% YoY และ 796% QoQ หนุนโดยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่ง USD/THB ปรับตัวลดลงประมาณ 11.0% YoY, 4.0% QoQ ประกอบกับปริมาณการขายไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) ที่เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 32% QoQ ตามปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือที่พลิกกลับมาเป็นบวกที่ 497 ลบ. จากส่วนแบ่งผลขาดทุนจำนวน 109 ลบ. ใน 2Q24 อีกทั้งแนวโน้มกำไรใน 3Q25 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า XPCL ที่เพิ่มขึ้นหลังจากการปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 17 วันใน 3Q24
OSP: ราคาพื้นฐานที่ 20.60 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกกับ OSP จากแนวโน้มของกำไร 2Q25 จะเติบโตขึ้น YoY และ QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงเป็นประวัติการณ์หนุนโดยสัดส่วนยอดขายส่งออกและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่มากขึ้น ประกอบกับยอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศหลังการ destocking จบลงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ยอดขายจะฟื้นตัวในแต่ละไตรมาสใน 2H25 โดยเครื่องดื่มในประเทศจะกลับมาเป็นบวกทั้งแบบ YoY และ QoQ เมื่อเริ่มแคมเปญใหม่ราคา 12 บาท โฆษณาในครึ่งแรกมีน้อยลงเนื่องจากเน้นการเปิดตัว Yellow Cap
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพุธ ติดตามรายงานยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ (US Existing Home Sales) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.00 ล้านหลัง ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.03 ล้านหลังต่อด้วย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของยุโรปครั้งแรกเดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -15.0 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -15.3 จุด
วันพฤหัสบดี ติดตามผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB interest rate decision) ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) ครั้งแรกเดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.5 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้ารายงานที่ 52.9 จุด ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.25 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.21 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตาม คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -10.3% MoM เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +16.4% MoM