บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย):

Osotspa PCL (OSP TB)

คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มต่อเนื่องใน 2Q68

แนะนำ “ซื้อ” OSP ยังเป็นหุ้นเด่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากมูลค่าที่น่าสนใจ (ซื้อขายที่ PER ปี 68 ที่ 14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีอยู่ -1.5 SD) และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 68 ที่ 7.5% เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 19.20 บาท สะท้อนการปรับประมาณการกำไรหลักต่อหุ้น (EPS) ขึ้น 1–3% จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีขึ้น แม้เรายังมีมุมมองลบต่ออุตสาหกรรมเครื่องดื่มชูกำลังในไทยจากการแข่งขันที่รุนแรง แต่เรามองว่า OSP ผ่านจุดต่ำสุดของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไปแล้วในเดือนธันวาคม 67

คาดกำไรสุทธิหลัก 2Q68 แข็งแกร่ง

เราคาดว่า OSP จะรายงานกำไรสุทธิหลักสำหรับไตรมาส 2Q68 (ประกาศวันที่ 13 ส.ค.) ที่ 986 ล้านบาท (+7% YoY, +2% QoQ) ซึ่งดีกว่าคาดการณ์เดิมของเราราว 4% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด โดยคาดว่าจะทำสถิติใหม่ที่ 41.3% จากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นและส่วนผสมสินค้าที่ดีขึ้น (เทียบกับ 40.3% ใน 1Q68 และ 38.2% ใน 2Q67) เมื่อเทียบกับปีก่อน กำไรน่าจะได้รับแรงหนุนจากยอดขายต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยหนุน GPM ไตรมาส 2Q68 ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยอดขายต่างประเทศน่าจะลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน ขณะที่ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 1Q68 ซึ่งมีการบริหารจัดการสต็อก M-Gold

ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศฟื้น QoQ แม้ส่วนแบ่งลดลง

ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ OSP ในไตรมาส 2Q68 อยู่ที่ 44.5% ลดลงจาก 44.8% ในไตรมาส 1Q68 แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับต่ำสุดในเดือน ธ.ค. 67 ทั้งนี้ OSP เชื่อว่าข้อมูลส่วนแบ่งตลาดจาก Nielsen ในไตรมาส 2Q68 ไม่สะท้อนภาพจริงของยอดขายในประเทศ ซึ่งปรับตัวดีขึ้น QoQ โดยความคลาดเคลื่อนนี้อาจเกิดจากการสุ่มตัวอย่างข้อมูลที่ไม่ครอบคลุมในบางช่องทาง อย่างไรก็ตาม OSP ยังคงมั่นใจว่าส่วนแบ่งตลาดของตนจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 68

คาดยอดขายกลับมาเติบโต YoY ในครึ่งหลังปี 68

แม้เราคาดว่ากำไรครึ่งหลังปี 68 อาจต่ำกว่าครึ่งปีแรกตามฤดูกาล และ GPM มีแนวโน้มลดลง HoH จากส่วนผสมรายได้ต่างประเทศที่อ่อนตัว แต่เราคาดว่ายอดขายครึ่งปีหลังจะเติบโต YoY (ยอดขาย 1H68 -7% YoY) จากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่ดีขึ้น โดยมีแคมเปญใหญ่เปิดตัวสินค้าขวดละ 12 บาทในช่วงกลางเดือนสิงหาคม และจากฐานที่ต่ำในครึ่งหลังของปี 2567 โดยแนวโน้มนี้น่าจะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงครึ่งปีแรกของปี 69

 

- Advertisement -