บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Osotspa (OSP.BK/OSP TB)*

แนวโน้มมาร์จิ้นดีกว่าคาด

Event: ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายกับกำไรและประมาณการ 2Q68F

Impact

หลังจากราคาหุ้นเพิ่มขึ้นแล้ว: ทำไมเราถึงยังคงมองบวก?

i) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) 2Q68F จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เราเชื่อว่าตลาดจะมองบวกกับ GPM ของ OSP ใน 2Q68F ที่ดีกว่าคาด ซึ่งน่าจะแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ 40.9% (+60bps QoQ และ +270bps YoY) โดย GPM ที่ดีขึ้นหลัก ๆ จะเป็นเพราะประสิทธิภาพด้านต้นทุนดี (สองในสาม) (มาจากการลดต้นทุน และต้นทุนก๊าซกับน้ำตาลลดลง) และอีกหนึ่งในสามจะมาจาก product mix ที่ดีขึ้น

ii) แนวโน้ม 2H68 แข็งแกร่ง โดยคาดกำไรโต YoY แม้ยอดขายเครื่องดื่มในต่างประเทศ (IB) มักจะชะลอตามฤดูกาล แต่ยอดขายในประเทศก็น่าจะเพิ่ม HoH จากผลของการลดสต็อก (destocking) น้อยลงใน 1H68 ในเบื้องต้นเราคาดกำไรหลัก 3Q68F จะโต YoY (ลดลง QoQ ตามปกติ)

iii) น่าจะให้ความสำคัญกับข้อมูลจากบุคคลภายนอกน้อยลงจากตัวเลขที่อาจคลาดเคลื่อนของ Nielsen แม้ยอดขายในประเทศ 2Q68F จะเพิ่มขึ้น QoQ แต่ Nielsen เผยข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดของ OSP ลดลงที่ 44.5% (-0.3ppt QoQ และทรงตัว YTD) โดย OSP ให้เหตุผลว่าการสุ่มตัวอย่างมีข้อจำกัด ซึ่งอาจรายงานยอดขายต่ำกว่าปกติราว 15–20% ขณะที่ข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดระดับผลิตภัณฑ์สอดคล้องกัน โดย OSP: M-150 (10 บาท, ฝาเหลือง) เพิ่มขึ้น 3.2%, M-150 (12 บาท, ฝาทอง) ลดลงเล็กๆ และ M-Blue (10 บาท) ไม่เปลี่ยนแปลง

iv) การที่สินค้าแย่งยอดขายกันเอง (cannibalization) ต่ำกว่าที่เคยคาด ผู้บริหารมุ่งเน้นที่อัตราการทำกำไรมากกว่าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเชิงรุก โดยที่ผลิตภัณฑ์ขวด 12 บาท ยังคงเป็นตัวนำหลัก โดยมีสัดส่วนในรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศสูงราว 80% ของรายได้รวม ขณะที่ SKU 10 บาท (ประมาณ 20%) ช่วยหนุนรายได้ในเชิงส่งเสริม ในแง่ส่วนแบ่งการตลาดช่วง YTD ยังคงทรงตัว – ต่ำกว่าเป้าแต่ไม่ลดลง – ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงน้อยกว่าที่ตลาดเคยกังวลในตอนแรก

v) คาดตลาดจะปรับเพิ่มกำไรตามเรา เราปรับเพิ่มกำไรหลักปี 2568–2570F ขึ้น 7% (Figure 2) บนสมมติฐานของ GPM ที่สูงขึ้น โดยกำไรหลักใหม่ของเราสูงกว่านักวิเคราะห์ในตลาดอยู่ราว 10–13% ทั้งนี้ การปรับเพิ่มกำไรขึ้นจะทำให้ valuation ของ OSP ดูน่าสนใจขึ้น

ประมาณการ 2Q68F – กำไรดีกว่าคาดน่าตกใจ

วันที่ 13 สิงหาคม เราคาดว่า OSP จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q68F ที่ 1.0 พันล้านบาท (-21% QoQ แต่ +66% YoY) พร้อมกำไรหลักที่ 1.0 พันล้านบาท (+3% QoQ และ +8% YoY) (ไม่รวมรายการด้อยค่าใน 2Q67) กำไรหลักที่ดันให้ QoQ ดีขึ้นจะมาจาก GPM ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ พร้อมกับรายได้หลักที่แข็งแกร่ง (นำโดยยอดขายในประเทศและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว) ซึ่งถูกหักล้างบางส่วนจากยอดขาย IB ที่ลดลงตามฤดูกาล ส่วนกำไรที่เพิ่ม YoY จะมาจาก GPM ที่แข็งแกร่ง แม้รายได้หลักจะหดตัวก็ตาม แต่กำไรหลัก 1H68F ที่ 2.0 พันล้านบาท (+13% YoY) จะคิดเป็น 56% ของกำไรหลักปี 2568F ของเรา

Valuation & Action

เรายืนคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20.00 บาท (อิงจาก PE ที่ 17x และค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี -2SD (จาก 16x)) จากเดิม 18.00 บาท ตามการปรับเพิ่มกำไรของเราและปรับ PE เพิ่ม ทั้งนี้ เรามองว่า valuation ของ OSP ยังไม่แพงและคาดให้ dividend yield สูงถึง 7% ต่อปี

Risks

การแข่งขันเข้มข้น, เศรษฐกิจชะลอตัว, พฤติกรรมผู้บริโภคและต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป

 

- Advertisement -