KS Daily View 24 ก.ค. 2025>>> คาดว่า SET Index ของไทยแกว่งตัว sideway ในกรอบ 1,210-1,235 จุด จากภาพเชิงบวกของการเจรจาการค้ากับสหรัฐในโค้งสุดท้ายก่อน deadline โดยคาดว่าอาจมีประเทศขนาดใหญ่หลายประเทศทยอยได้ดีลการค้า แนะนำเก็งกำไร KCE และ PTTGC
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.78%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.61%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.14% โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากปรับตัวขึ้นของ Nvidia และ GE Vernova และสหภาพยุโรปและสหรัฐฯดูเหมือนจะมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงการค้าที่คล้ายกับข้อตกลงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทำไว้กับญี่ปุ่น ที่อัตราภาษีนำเข้าระดับ 15%
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,219.62 จุด เพิ่มขึ้น 27.87 จุด (+2.34%) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มพลังงาน, และกลุ่มค้าปลีก ในวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยแกว่งตัว sideway ในกรอบ 1,210-1,235 จุด จากภาพเชิงบวกในต่างประเทศของการเจรจาการค้ากับสหรัฐในโค้งสุดท้ายก่อน deadline ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยคาดว่าอาจมีประเทศขนาดใหญ่หลายประเทศทยอยได้ดีลการค้า หลังจากที่มีข่าวว่า EU และสหรัฐอเมริกาอาจปิดดีลการค้าในระดับที่ 15% ที่อยู่ระดับเดียวกับสหรัฐทำไว้กับญี่ปุ่น ด้วยภาพของการเจรจาที่เป็นไปในเชิงบวกอาจส่งจิตวิทยาเชิงบวกกับหุ้นกลุ่มที่มีธุรกิจเชื่อมโยงกับต่างประเทศ หรือ Global play มากขึ้น ในส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไร KCE และ PTTGC ที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ จากภาพเชิงบวกของต่างประเทศ
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- EU และสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงทางการค้าใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU แบบครอบคลุมในอัตรา 15% ตามข้อมูลจากนักการทูตสองรายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา การเจรจานี้มีแนวโน้มจะพลิกโฉมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองภูมิภาค มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกเล็กน้อยกับ KCE หลังแนวโน้มของภาษีรอบใหม่ปรับตัวลดลง
- ในขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุผ่าน Truth Social ว่าเขาจะลดภาษีศุลกากรเฉพาะเมื่อประเทศคู่ค้ายอมเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐ พร้อมเตือนว่าหากไม่เปิดตลาดก็จะถูกเก็บภาษีในอัตราสูง โดยยกตัวอย่างว่าญี่ปุ่นได้ยอมเปิดตลาดแล้วเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจสหรัฐเติบโต
- นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจวันที่ 24 ก.ค.นี้ จะพิจารณาโครงการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 40,000 ล้านบาท ซึ่งต้องอนุมัติให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย. เพื่อให้สามารถเริ่มใช้จ่ายได้ในไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2569 โดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นจีดีพีได้ราว 0.4–0.5% มองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
- GULF ลงทุน 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าซื้อหุ้น 100% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay ที่ สปป.ลาว จากเดิมถือ 40% เป็น 100% และมีกำลังการผลิต 770MW โดย KS ประเมินว่าจะมี upside ต่อประมาณการกําไร ประมาณ 2 พันลบ. ต่อปี โดยจะ COD 2033 และ upside to target price ประมาณ 3-4% (2-3 บาท)
- อินเดียจะกลับมาออกวีซ่านักท่องเที่ยวให้พลเมืองจีนตั้งแต่ 24 กรกฎาคมนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากความตึงเครียดจากเหตุปะทะชายแดนหิมาลัยปี 2563 เริ่มคลี่คลาย โดยทั้งสองฝ่ายได้ผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ผ่านการประชุมระดับสูง มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มท่องเที่ยวอย่าง CENTEL ERW AWC AAV BA
- รัสเซียระงับการขนส่งน้ำมันที่ท่าเรือ Novorossiisk และ Yuzhnaya Ozereevka ชั่วคราว เนื่องจากปัญหาเอกสารตามกฎใหม่ที่บังคับให้เรือต่างชาติต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยความมั่นคง FSB ก่อนเข้าเทียบท่า สถานการณ์นี้เพิ่มความไม่แน่นอนให้ตลาดน้ำมันเมดิเตอร์เรเนียน อาจส่งผลให้กระทบกับ supply ของน้ำมันระยะสั้น มองเป็นบวกเล็กน้อยกับ PTTEP
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- KCE: ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกกับ KCE หลังจากที่ว่า EU และสหรัฐอเมริกาใกล้ปิดดีลการค้าในระดับที่ 15% โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็น Automotive producers ในยุโรป อีกทั้งเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจาก 1) ฮัสซัน เอล-คูรี ซีอีโอของ ON Semiconductor กล่าวในงาน Global Technology Conference 2025 ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะถึงจุดต่ำสุดใน 2Q25 และคาดว่าจะฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2025 2) ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในช่วง 4M25 เติบโต 6-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและจีน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในสหภาพยุโรปยังคงทรงตัว และ 3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหภาพยุโรปเริ่มปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะยังคงอยู่ในช่วงหดตัว แต่การฟื้นตัวบ่งชี้ว่าการผลิตกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากการลดสต็อกสินค้าก่อนหน้านี้
- PTTGC: ราคาพื้นฐานที่ 23.10 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTGC เป็น global-play และจะมีปัจจัยหนุนทั้งในระยะสั้นและระยะกลางถึงยาว โดยปัจจัยระยะสั้นคือ การฟื้นตัวของค่าการกลั่น (GRM) ในไตรมาส 2Q25 เราคาดว่า GRM จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ USD 3.4/bbl ในไตรมาส 1Q25 มาอยู่ที่ประมาณ USD 4.0-5.0/bbl ในไตรมาส 2Q25 จากแรงหนุนของอุปสงค์ตามฤดูกาล และต้นทุนการผลิตโอเลฟินลดลง จากการที่บริษัทได้รับประโยชน์จากการใช้วัตถุดิบเอเทน (ethane) เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1Q25 โดยสัดส่วนเอเทนเพิ่มขึ้นจาก 33% ในไตรมาส 4Q24 เป็น 38% ในไตรมาส 1Q25 ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง สำหรับปัจจัยระยะกลางถึงยาวกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Performance Enhancement Strategy) เช่นการทำ Asset monetization และ การไม่มีขาดทุนของ PTTAR และ Vencorex เข้ามาใน 2H25 นี้ นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพโดยมุ่งเน้นการประหยัดต้นทุน (OPEX saving) และการบริหารแบบองค์รวม (holistic optimization) ซึ่งคาดว่าจะประหยัดต้นทุนรวมได้
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสบดี ติดตามผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB interest rate decision) ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) ครั้งแรกเดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.5 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้ารายงานที่ 52.9 จุด ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.25 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.21 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตาม คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -10.3% MoM เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +16.4% MoM