บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
B.Grimm Power (BGRIM.BK/BGRIM TB)*
กำไร 2Q68F จะน่าผิดหวัง
Event : ประมาณการ 2Q68F และอัปเดตข้อมูลบริษัท
Impact
ประมาณการ 2Q68F – มาร์จิ้นของ SPP ไม่น่าสดใสและปริมาณการขายเพิ่มเล็กน้อย
วันที่ 13 ส.ค. BGRIM น่าจะแจ้งกำไรสุทธิ 2Q68F น่าผิดหวังที่ 30 ล้านบาท (-95% QoQ และ -87% YoY) ถูกฉุดจากขาดทุน Fx ก้อนใหญ่ (จากเงินกู้ยืมระหว่างบริษัท) และกำไรหลักแย่ลงที่ 460 ล้านบาท (-39% QoQ และ -23% YoY) (65% จากกำไรปี 2568F ของเรา) กำไรที่ทรุดลงทั้ง YoY และ QoQ จะมาจาก: i) margin กลุ่ม IU ของ SPP ที่อ่อนลงหลังจากการถูกเรียกจ่ายค่าก๊าซธรรมชาติย้อนหลังที่ 60 บาท/mmbtu (ก.ย-ธ.ค. 66) และอัตราค่าไฟฟ้า Ft ลดลง (-0.11 บาท QoQ และ -0.14 บาท YoY); ii) คชจ. SG&A ที่เพิ่มขึ้น; และ iii) ภาษีสูงขึ้นหลังมาตราการ BOI ของโรงไฟฟ้า SPP สี่แห่งหมดไปแล้ว (ตั้งแต่ เม.ย. 67) แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากรายได้บริการที่สูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรที่แข็งแกร่งขึ้น (กำไร Fx) และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Malacha (30MW) ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะอยู่ที่ 370 บาท/mmbtu (+36 บาท QoQ และ +65 บาท YoY) แต่อย่างไรก็ดี ปริมาณการขายไฟให้กับ EGAT และ IU อาจเพิ่มขึ้น 1% YoY ในแต่ละราย แม้จะมี capacity ของ IU ใหม่ที่ 14MW (+7MW ใน 1Q68)
กำไร 2H68F จะชะลอ
เราคาดกำไรหลัก 2H68F จะชะลอลง HoH ขณะที่ กำไรหลัก 3Q68F น่าจะลดลง QoQ จากรายได้บริการลดลง margin ของ SPP เป็นปกติ (ราคาก๊าซ ฯ ต่ำลงเทียบกับค่า Ft ต่ำลง) และค่าซ่อมบำรุงสูงขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง กำไรหลัก 4Q68F อาจทำจุดต่ำสุดของปีตามปัจจัยฤดูกาลที่ไม่ดี การปิดซ่อมบำรุงตามแผน และอุปสงค์การใช้ไฟฟ้ากลุ่ม IU ลดลง
สองโครงการหลักในอนาคตและความท้าทายข้างหน้า
BGRIM เป็นบริษัทได้กระจายการลงทุนทั่วโลกมากสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าของไทย โดยมีโครงการหลักใน pipeline เด่นสุดคือ: i) โครงการกังหันลมนอกชายฝั่ง Nakwol 1+2 ในเกาหลี (363MW, ถือหุ้น 49%, SCOD: 2569) และ ii) โครงการ Data Center (DC) ในไทย (96MW, ถือหุ้น 40%, SCOD: 4Q69) แต่ทว่าในช่วงสองปีแรก (ปี 2570-2571) DC จะขาดทุนจากคชจ.ดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา โดยที่ลูกค้าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่การจ่ายไฟฟ้าของ DC จะมาจากภาครัฐ ไม่ใช่จาก BGRIM เอง (เป็น upside ต่อราคาเป้าหมายเราที่ 0.4 บาท/หุ้น) นอกจากนี้ความเสี่ยงจากเวียดนามที่จะลดอัตราค่าไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ยังคงเพิ่มความกังวลในด้านการเงินอยู่ นอกจากนี้เป้าหมายของ BGRIM ที่จะเพิ่ม capacity ใหม่ให้กลุ่ม IU ราว 40-50MW ในปี 2568F กำลังเกิดความท้าทายมากขึ้นเพราะใน 1H68 เพิ่มได้เพียง 21MW
Valuation & Action
เราคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 10.10 บาท (DCF-WACC ที่ 6.6%) ราคาหุ้นน่าจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบเนื่องจากขาด catalyst ที่เด่น ๆ โดยมีทั้งปัจจัยบวกและลบ ในด้านปัจจัยบวกคือหวังว่าประเทศไทยอาจได้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่เอื้ออำนวยจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยลบคือ แนวโน้ม 2H68 กำไรชะลอตัว ความล่าช้าในโครงการกังหันลมที่เกาหลี ความเสี่ยงในเวียดนาม อัตราค่าไฟฟ้าที่ไม่แน่นอน (ก.ย.-ธ.ค. 68) และ upside ค่าเงิน US$/THB จำกัด
Risks
ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย