ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวท่ามกลางกำไรถูกปรับลง

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Junes เมื่อคืนปิดลบ 204 จุด (-0.46%) หลังจากบริษัท United Health รายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 3.5% ได้แรงหนุนจากว่า Trump จะใช้มาตรการต่างๆเพื่อกดดันรัสเชีย รวมไปถึงความตึงเครียดการค้าที่ลดลง

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) ที่ 7.4 ล้านตำแหน่ง แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 7.5 ล้านตำแหน่ง พร้อมกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ระดับ 97.2 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 95.9 โดยทัศนคติเชิงลบต่ออนาคตลดลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นโดยรวมปรับดีขึ้น ผู้บริโภครู้สึกเชิงลบต่อสภาวะธุรกิจและจ้างงานในอนาคตน้อยลง พร้อมกับมุมมองเชิงบวกต่อรายได้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงกังวลกับประเด็นภาษีศุลกากรว่าจะนำไปสู่ระดับราคาที่สูงขึ้น เมื่อถามถึงแผนซื้อสินค้าพบว่าแผนการซื้อบ้านและรถยนต์ลดลง  โดยรวมดูแล้วค่อนข้างกลางถึงลบ กดดันให้ US Bond Yield ปรับลง นอกจากนี้แล้วนักลงทุนยังคงจับตารอดูการเจรจาการค้าสหรัฐฯ กับหลายๆ ประเทศที่ใกล้จะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย

ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ SET INDEX ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง (+1.36%) และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3.38 พันล้านบาท ประเมินว่าเป็นเพราะความคาดหวังเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ และจิตวิทยาเชิงบวกจากการประกาศหยุดยิงกันระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่อย่างไรก็ตามในเชิงปิจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีขึ้น Bloomberg ยังคงปรับลดคาดการณ์ EPS 25 ลงสู่ระดับ 89.7บาท / หุ้น (ทำจุดต่ำสุดใหม่ของปีนี้) ขณะเดียวกัน IMF ได้ออกมาคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 2% แต่ปีหน้าขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งนับเป็นการขยายตัวที่ค่อนข้างต่ำ ในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติพบว่า 1 ม.ค. – 27 ต.ค. สะสมอยู่ที่ 18.9 ล้านราย (-6.2%YoY) แต่อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบวกเล็กน้อยจากการที่นักท่องเที่ยวจีนกลับขึ้นมาเป็นอันดับแรกจากอันดับสอง หากเทียบรายสัปดาห์จะพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด (+1%WoW) และจีนกลับมาขยายตัว 4.6%Wow คืนนี้รอติดตามประชุม FED และเศรษฐกิจสุหรัฐฯ ช่วง 2Q25

วันนี้ประเมิน SET INDEX พักตัวในกรอบ 1220 – 1240 จากการที่วานนี้ฟื้นตัวขึ้นมาแรง แต่เชิงพื้นฐานยังไม่ตามขึ้นมาประกอบกับนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุม FED และในขณะเดียวกันการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาซึ่งกำลังจะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ท่านกลางตลาดหุ้นไทยที่มี PE ค่อนข้างสูง (ซื้อขายที่ Forward PE 13.7x) จึงแนะไม่ประมากกับการลงทุน (ควรเพิ่มการถือครองเงินสด ทยอยขายทำกำไร ) อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นอาจเลือก Trading ในหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ อาทิ ส่งออก (ITC TU) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA TU)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50)

คาด AMATA มีกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 383 ล้านบาท (+66%YoY,-54%QoQ) เทียบกันปีก่อนเตินโตมาก เพราะกำไรขั้นต้นของนิคมที่เวียดนามกลับสู่ระดับปกติ แม้การโอนที่ดินจะเพิ่มขึ้น 8 ไร่มาอยู่ที่ระดับ 171 ไร่ เทียบกับ 163 ไร่ใน 2Q24 ส่วนลดลงจาก 1Q25 ตามที่ดินที่โอนลดลง (1Q25 มียอดโอนกว่า 279 ไร่)

WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.3)

การขายที่ดินยังทำได้ดี โดยคาดว่าจะออกมาเกินกว่าเป้าที่บริษัทคาดไว้ หลังจากในช่วง 1425 ทำได้กว่า 1,200 ไร่ และมีการเจรจารอเซ็นสัญญาอีกกว่า 1,400 ไร่ ซึ่งยังไม่รวมลูกค้าในกลุ่ม Data Center ที่มีการเจรจาอีกกว่า 1,000 ไร่

- Advertisement -