บล.พาย:
AMATA: Amata Corporation PCL
2Q25 กำไรโต 66%YoY
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่าผลประกอบการในช่วง 1-2 ปีนี้ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯไม่มากนัก เนื่องจากมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้อยู่กว่า 24,000 ล้านบาท ขณะที่การขายที่ดินในช่วง 1H25 ทำได้กว่า 750 ไร่ แม้จะยังห่างจากเป้าที่ผู้บริหารคาดไว้ที่ 3,000 ไร่ แต่ด้วยยังมีการเจรจาอยู่มากรวมถึงหากมีความชัดเจนของภาษีสหรัฐฯในวันที่ 1 ส.ค. นี้ เราคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสเห็นการขายที่เพิ่มขึ้นได้ สำหรับผลประกอบการ 2Q25 เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตจากปีก่อน 66%YoY มาอยู่ที่ระดับ 383 ล้านบาท จากการโอนที่ดินและกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น แต่อาจจะลดลง 54%QoQ เพราะไตรมาสก่อนมีการโอนที่ดินไปมาก โดยเรายังคงประเมินกำไรสุทธิทั้งปีไว้ที่ 2,975 ล้านบาท (+20%YoY) ไว้เท่าเดิม
คาด 2Q25 กำไรสุทธิ 383 ล้านบาท (+66%YoY, -54%QoQ)
- เราคาด AMATA มีกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 383 ล้านบาท (+66%YoY, -54%QoQ) เทียบกับปีก่อนเติบโตมากเพราะกำไรขั้นต้นของนิคมที่เวียดนามกลับสู่ระดับปกติ แม้การโอนที่ดินจะเพิ่มขึ้น 8 ไร่มาอยู่ที่ระดับ 171 ไร่ เทียบกับ 163 ไร่ใน 2Q24 ส่วนลดลงจาก 1Q25 ตามที่ดินที่โอนลดลง (1Q25 มียอดโอนกว่า 279 ไร่)
- รายได้คาดที่ 2,446 ล้านบาท (-8%YoY, -27%QoQ) แบ่งเป็นรายได้จากการขายที่ดิน 1,021 ล้านบาท (+4%YoY, -47%QoQ) ตามการโอนที่ดินที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนรายได้กลุ่มอื่นอย่างสาธารณูปโภคลดลง
จากปีก่อน 18% เพราะลูกค้าที่เวียดนามยังมีปัญหาไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ - กำไรขั้นต้นรวมคาดที่ 36% ดีขึ้นจาก 32% ใน 2Q24 เพราะการโอนที่ดินที่เวียดนามเป็นนิคมผืนใหม่ที่มีกำไรขั้นต้นกลับสู่ระดับปกติแล้ว แต่ลดลงจาก 44% ใน 1Q25 เพราะมีสัดส่วนนิคมที่ชลบุรีที่มีกำไรขั้นสูงน้อย (0.3 ไร่ เทียบกับ 83 ไร่) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดที่ 355 ล้านบาท (-8%YoY, -19%QoQ)
- ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนคาดที่ 240 ล้านบาท ลดลง 7%YoY เพราะส่วนแบ่งจากธุรกิจก๊าซุธรรมชาติ ส่วนเพิ่มขึ้น 5%QoQ เพราะกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้า
ยังคงเป้า 3,000 ไร่
ยอดขายที่ดินในช่วง 1H25 มีจำนวน 749 ไร่ มีสัดส่วนเพียง 25% ของเป้าการขายของ AMATA ที่ระดับ 3,000 ไร่ (2,500 ไร่ในประเทศและ 500 ไรที่เวียดนาม ส่วนที่ลาวเลื่อนการขายไปเป็นปี 26 แทนจากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 500 ไร่) ทั้งนี้ทาง AMATA ยังคงมีความมั่นใจว่าการขายจะเป็นไปตามเป้า เพราะยังมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาหลายรายอีกทั้งในช่วง 1H25 ที่ผ่านมาลูกค้าจากจีนบางส่วนมีการรอความชัดเจนของ มาตรการภาษีสหรัฐฯว่าจะเป็นเท่าได ทั้งนี้ Backlog ณ สิ้น 1H25 สูงถึงระดับ 24,636 ล้านบาทแล้ว เพียงพอรายได้ในช่วง 1-2 ปีนี้
คงกำไรทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อน
หากกำไรสุทธิออกมาตามคาด จะทำให้กำไรในช่วง 1H25 มีสัดส่วนประมาณ 41% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 2,975 ล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยฐาน Backlog ที่อยู่สูง รวมถึงมีลูกค้าที่คาดว่าจะโอนได้ในช่วง 2H25 ที่เลื่อนมาจาก 2Q25 อีกกว่า 300 ไร่ เราจึงยังคงกำไรทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อน โดยคาดว่าผลประกอบการจะสูงสุดในช่วง 4Q25 คำแนะนำการลงทุน ระยะสั้นราคาหุ้นยังถูกกดดันจากมาตรการภาษีที่ยังไม่ชัดเจน แต่ด้วยฐาน Backlog ที่สูง เราจึงคาดว่าผลประกอบการในช่วง 1-2 ปีนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 33.6 บาท (13XPER’25E)