บล.พาย:
MEGA: Mega Lifesciences PCL
คาดกำไรปกติ 2Q25 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ
เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 34.00 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายเพียง 13xPE’25E สะท้อนสถานการณ์ความไม่แน่นอนและการชะลอตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคในเมียนมาไปค่อนข้างมากแล้ว คาดรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 439 ล้านบาท (-14%YoY) หลังตัดรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน คาดจะมีกำไรปกติ 2Q25 ที่ 539 ล้านบาท (-23%YoY, -1%QoQ) ผลจากรายได้ธุรกิจจัดจำหน่ายลดลง YoY จากรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย Maxxcare’s ในประเทศเมียนมาลดลง YoY แม้ว่ายอดขายยาและอาหารเสริมที่เติบโตได้ YoY บวกกับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าดอลลาร์สหรัฐ
Maxxcare’s กดดันผลประกอบการ
- คาดรายได้จากธุรกิจ Mega We Care (ยาและอาหารเสริม) เติบโต YoY เป็น 2.2 พันล้านบาท (+1% YoY, +9%QoQ) ใน 2Q25 จากปริมาณการขายที่เติมโตเป็นมากกว่า 10% จากทั้งยอดขายยาที่เติบโตดี และการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากสินค้าใหม่ และการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในกลุ่มสินค้า (วิตามินและอาหารเสริม) ทำให้มีรายได้ที่เติบโตในทุกภูมิภาค ประกอบด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สัดส่วน 78% ของยอดขาย), แอฟริกา (สัดส่วน 11% ของยอดขาย), และภูมิภาคอื่นๆ (สัดส่วน 11% ของยอดขาย) ขณะที่คาดอัตรากำไรขันต้น (GPM) ธุรกิจ Mega We Care ที่ 65.0% ใน 2Q25 ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 65.0% ใน 1Q25 และ 66.0% ใน 2Q24
- คาดรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare’s) ลดลง YoY ที่ 1.2 พันล้านบาท (-34%YoY) ใน 2Q25 สืบเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศเมียนมาที่ลดลง ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของหน่วยธุรกิจนี้ทรงตัวจากไตรมาสก่อน
- คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 33.2% ใน 2Q25 จาก 28.8% ใน 2Q24 แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ผลจากรายได้ที่ลดลง YoY
คาดกลับมาโตในปี 2026 จากสินค้าใหม่
เราคาดว่ายอดขายธุรกิจยาและอาหารเสริม (Mega We Care) จะขยายตัว 5%YoY ในปี 2026 หนุนจากการออกสินค้าใหม่ในช่วงที่ผ่าน ทั้งในหมวดยา (สัดส่วน 70%) และอาหารเสริม (สัดส่วน 30%) ซึ่งยาส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดทางเดินหายใจ เบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูกและเนื้องอกมะเร็ง ขณะที่รายได้ธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare’s) คาดว่าจะเริ่มประคองตัวได้ YoY เนื่องจากยาและเวชภัณฑ์ในประเทศเมียนมายังมีความต้องการแม้ในภาวะกำลังซื้อในเมียนมาที่ลดลง เนื่องจากไม่สามารถผลิตในประเทศได้ นอกจากนี้ปี 2026 จะได้แรงหนุนจากยอดขายในอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้นหลังทยอยนำสินค้าเข้าไปขาย รวมถึงผลิตสินค้าและขาย หลังจากเข้าซื้อโรงงานผลิตยาในช่วง 3 ปีที่แล้ว
คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาหุ้นสะท้อนกำลังซื้อในเมียนมาที่ลดลงไปแล้ว
มูลค่าพื้นฐานที่ 34.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 9.9% และ TG 2% เทียบเท่า 15xPE’25E หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยการซื้อขายในรอบ 5 ปี และคิดเป็นส่วนลด 50% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์และโรงพยาบาลในไทย สะท้อนความเสี่ยงจากธุรกิจในเมียนมา