บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

SCG Packaging (SCGP.BK/SCGP TB)*

Fajar ดาวดวงใหม่ที่ตลาดสนใจ

Event : ผลประกอบการ 2Q68 และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย  

Impact 

ยืนยันมุมมองบวกของเราต่อ SCGP: 

i) Sentiment เป็นบวกขึ้นอีก การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศสำคัญ ๆ เช่น จีน, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น และ ASEAN ได้คืบหน้าดีต่อเนื่อง นอกจากนี้สหรัฐฯ และจีนได้ตกลงขยายข้อตกลงการระงับภาษีปัจจุบันออกไปอีก 90 วัน จากเดิมที่จะถึงกำหนด 12 สิงหาคม 2568 

ii) กำไร 2H68 จะฟื้นตัว เราคาดว่ากำไร 2H68F ของ SCGP จะยังคงทรงตัวเทียบกับ 1H68 จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งใน ASEAN ช่วยหนุน ความพยายามในการลดต้นทุนต่อเนื่อง และผลงานของ Fajar ดีขึ้นต่อเนื่องโดยคาดจะกลับเป็นกำไรสุทธิใน 4Q68F (เพิ่มยอดขายในประเทศ, ลดต้นทุน, ขึ้นราคา, และการประหยัดดอกเบี้ยราว 500 ล้านบาทต่อปี) มองไปใน 3Q-4Q68F กำไรของ SCGP น่าจะโต YoY จากฐานต่ำและไม่มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนต่างกับใน 4Q67 

iii) คงมุมมองสวนกับตลาดทั้งในจีนและไทย แม้ว่าจีนจะนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลงเหลือ 4.70 แสนตันใน มิ.ย. 68 (ลดจาก 7.29 แสนตันใน ธ.ค. 67 และระดับปกติในอดีตที่ 8-9 แสนตัน) และราคาบรรจุภัณฑ์กระดาษแตะระดับต่ำสุดในรอบสองปีที่ US$380/ton ใน 2Q68 รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่หดตัวและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยลดลง แต่เราก็เชื่อว่าสัญญาณเหล่านี้แสดงว่าอุปสงค์กำลังใกล้ถึงจุดต่ำสุดมากกว่าที่จะมี downside ลงไปอีก 

iv) กลยุทธ์ขยายตลาดอย่างรวดเร็วของ SCGP รวมถึงการเพิ่มยอดขายในประเทศและการมุ่งลดต้นทุนเข้มงวด ทำให้การดำเนินงานมีความยืดหยุ่นขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเวียดนาม, อินโดนีเซีย, และฟิลิปปินส์ที่ได้อัตราภาษีต่ำกว่าไทย โดยล่าสุด SCGP ได้ประโยชน์จากอัตราภาษีสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไทย ซึ่งช่วยให้มีความสามารถเชิงเปรียบในการแข่งขันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

ผลประกอบการ2Q68 – ดีกว่าเราและตลาดคาด 6%/5% 

กำไรสุทธิ 2Q68 ของ SCGP สูงกว่าทุกคาดการณ์อยู่ที่ 950 ล้านบาท (-35% YoY แต่ +6% QoQ) ผลจาก GPM ของกลุ่ม integrated packaging unit (IPB) แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่กำไรหลักที่ 993 ล้านบาท (-33% YoY และ +8% QoQ) ทำให้กำไร 1H68 คิดเป็น 49% ของกำไรทั้งปีของเรา โดยกำไรที่เพิ่ม QoQ หนุนจาก; 1) การดำเนินงาน Fajar ที่ดีขึ้นมาก, การลดต้นทุนจริงจัง (และต้นทุนถ่านหินลดลง), และปริมาณขายที่แข็งแกร่ง (นำโดย IPB) ซึ่งบางส่วนถูกฉุดจากกลุ่ม fibrous unit (FB) ที่ชะลอตัว ส่วนกำไรที่ลดลง YoY เพราะผลการดำเนินงานที่แย่ลงและรับรู้ผลขาดทุนเต็มปีจาก Fajar ในแง่ EBITDA margin ของกลุ่ม IPB เพิ่มขึ้นเป็น 16% (เทียบกับ 14.5% ใน 1Q68 และ 14.1% ใน 2Q67) แต่ EBITDA margin ของกลุ่ม FB กลับต่ำลงที่ 7% (เทียบกับ 10.6% ใน 1Q68 และ 15.7% ใน 2Q67) ที่น่าสนใจ คือ EBITDA ของ Fajar เพิ่ม QoQ เป็นบวกครั้งแรกในรอบสองปี และขาดทุนสุทธิก็ลดลง QoQ อย่างมีนัยสำคัญ 

Valuation and action 

เรายืนคำแนะนำ “ซื้อ” และขยับราคาเป้าหมายไปเป็นปี 2569F อยู่ที่ 22.00 บาทจากเดิม 19.50 บาท ใช้ EV/EBITDA ที่ 7.9x (-2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต) ทั้งนี้ guidance บวกจาก SCGP และการปรับเพิ่มกำไรยังคงเป็นปัจจัยหนุนการ re-rating นอกจากนี้ SCGP จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H68 ที่ 0.25 บาท/หุ้น คิดเป็น yield ราว 1.3% (XD: 8 ส.ค. 68) 

Risks 

ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A และความเสี่ยงของประเทศ

- Advertisement -