บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
BUMRUNGRAD HOSPITAL (BH TB)
พยายามให้การดำเนินงานฟื้นตัว
- ปริมาณคนไข้ต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษาลดลงในปีนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวตามการท่องเที่ยวในปี 2026 และได้รับแรงหนุนจากโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่ภูเก็ตในปี 2027
- คาดกำไรปกติปี 2025 ลดลง 9% ขณะที่ปี 2026–2027 คาดว่าจะเติบโตราว 3–4% โดยแนวโน้ม NPM และ ROE จะเป็นทิศทางขาลง
- มูลค่าหุ้นมีอัพไซด์จำกัด ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับปานกลาง
ปริมาณคนไข้ต่างชาติจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
BH ยังคงเผชิญความท้าทายจากปริมาณคนไข้ต่างชาติที่บินเข้ามารักษาลดลง การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ส่งผลต่อรายได้เฉลี่ยต่อหัวคนไข้ เราคาดว่าปริมาณคนไข้ทั้ง OPD และ IPD จะลดลง 5% y-y ในปี 2025 และกลับมาเติบโตราว 2–3% ในปี 2026–2027 สัดส่วนรายได้จากคนไข้ต่างชาติจะลดลงมาอยู่ที่ 64% ในปีนี้ (2024: 66%) ก่อนทยอยฟื้นตัวปีละ 1 ppt เราคาดว่ารายได้รวมจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับปี 2024 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเดิม ได้ในปี 2027 การขยายฐานไปยังตลาดใหม่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย มีศักยภาพการเติบโต แต่นัยสำคัญต่อผลประกอบการยังอยู่ในระยะยาว
กำไรปี 2025 ลดลง ก่อนฟื้นตัวเล็กน้อยปีถัดๆ ไป
เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2025 ลงเหลือ 7.1 พันล้านบาท (-9% y-y) อิงรายได้รวมที่คาดว่าจะลดลง 4% และ EBITDA margin ลดลง 1.1 ppt การเปลี่ยนแปลงส่วนผสมคนไข้ และ operating leverage ที่ลดลง จะส่งผลให้อัตรากำไรผันผวน เราประมาณการกำไรปกติจะเติบโตเพียง 3–4% ในปี 2026–2027 โดยกำหนดสมมุติฐานการเริ่มดำเนินงานโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่ภูเก็ตจะกระทบ EBITDA margin ในปี 2027 อย่างไรก็ตาม คาดว่าระดับกำไรปกติและอัตรากำไรสุทธิ (NPM) จะยังไม่กลับไปที่ระดับของปี 2024 ภายในสามปีข้างหน้า
กำไรรายไตรมาสยังไม่น่าดึงดูด
เราคาดว่า BH จะมีกำไรปกติใน 2Q25 ที่ 1.67 พันล้านบาท (-4% q-q, -14% y-y) ต่ำที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส สาเหตุหลักจากจำนวนคนไข้ชาวต่างชาติที่บินเข้ามารักษายังคงลดลง โดยหลักจากคูเวตและจีน รวมถึงความกังวลเรื่องแผ่นดินไหวในประเทศไทยที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือน มี.ค. คาดการณ์รายได้รวมที่ 5.99 พันล้านบาท (-2% q-q, -5% y-y) และ EBITDA margin ที่ 37% กำไรปกติใน 1H25 จะลดลง 13% y-y ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q25 คาดว่าจะฟื้นตัว q-q ได้ในช่วงไฮซีซั่น แต่ยังคงลดลง y-y จากปัจจัยกดดันที่ยังดำเนินอยู่
ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ”
เราปรับลดราคาเป้าหมายอิง DCF ลงเหลือ 160 บาท (เดิม 220 บาท) อิง WACC 9.1% และ Terminal Growth 2% คิดเป็น P/E ปี 2026 ที่ 17 เท่า หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการซื้อขายหุ้นย้อนหลัง 5 ปีที่ระดับ -0.5 SD ปัจจุบัน BH ซื้อขายที่ P/E ปี 2026 ที่ 16.5 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์ของไทย แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค แม้ว่าบริษัทจะมี ROE สูงที่สุดในกลุ่ม และอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง แต่ตัวชี้วัดทั้งสองมีแนวโน้มลดลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราผลตอบแทนเงินปันผลคาดว่ายังอยู่ในระดับปานกลางที่ 4% เรามองว่าโรงพยาบาลใหม่ที่ภูเก็ตยังเป็นปัจจัยหนุนในระยะยาว ขณะเดียวกัน หากมีพัฒนาการเชิงบวกจากการฟื้นตัวของปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการส่งต่อผู้ป่วยบินเข้ารักษาทั้งจากคูเวต (GOP) และซาอุฯ จะเป็น Catalyst ต่อ BH
บทวิเคราะห์ฉบับนี้ปัจจุบันจัดทำโดยคุณวัชรุตม์ วัชรวงศ์สิทธิ์