บล.กสิกรไทย:
BCPG บันทึกขาดทุนก้อนใหญ่ในตอนนี้เพื่อฟื้นตัวแรงต่อไป
- คาดว่ากำไรจะต่ำสุดในไตรมาส 2/2568 จากรายการพิเศษ… BCPG มีกำหนดรายงานงบการเงินไตรมาส 2/2568 ในวันที่ 6 ส.ค. โดยเราคาดว่าจะรายงานผลขาดทุนสุทธิที่ 735 ลบ. พลิกจากกำไรสุทธิที่ 1.2 พันลบ. ในไตรมาส 2/2567 และ 153 ลบ. ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งการลดลง YoY ส่วนใหญ่เกิดจาก การไม่มีรายการกำไรพิเศษ 1.1 พันลบ. จากการขายโครงการโซลาร์ในญี่ปุ่นที่บันทึกในไตรมาส 2/2567 ส่วนการลดลง QoQ มาจาก รายการขาดทุนพิเศษที่คาดว่าจะอยู่ที่ 825 ลบ. จาก
1) การบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของโครงการ Nabas 2 ราว 550 ลบ. จากการย้ายตำแหน่งเสากังหันลม
2) การบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของโครงการโซลาร์รูฟท็อปที่เกิดเพลิงไหม้ราว 25 ลบ.
3) การรับรู้ผลขาดทุนจากการขายลูกหนี้ EDL ราว 100 ลบ.
4) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 150 ลบ. จากเงินบาทที่แข็งค่า
- และผลการดำเนินงานหลักที่อ่อนแอ หากไม่รวมรายการพิเศษ เราคาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ 90 ลบ. ลดลง 9% YoY และ 55% QoQ โดยการลดลง YoY เกิดจาก การไม่มีส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) ของโครงการโซลาร์ในประเทศไทย และไม่มีรายได้จากโครงการโซลาร์ในญี่ปุ่น สำหรับการลดลง QoQ มาจาก ส่วนแบ่งกำไรที่คาดว่าจะลดลง 29% QoQ ส่วนใหญ่มาส่วนต่างระหว่างราคาขายไฟฟ้า (Spark Spread) ของโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ที่ลดลงตามฤดูกาล ซึ่งไม่สามารถชดเชยกับปริมาณการผลิตไฟฟ้าในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 1% QoQ
- คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวแรงในไตรมาส 3/2568 เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 3/2568 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการไม่มีรายการพิเศษ และรายได้จากค่าความพร้อมจ่าย (capacity revenue) ของโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นจาก 29–50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW/วัน เป็น 270 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW/วัน ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 500–600 ลบ.ในไตรมาส 3/2568
มุมมอง KS
- แนะ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 8.20 บาท คำแนะนำของเราอิงจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 หนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ