บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Minor International (MINT.BK/MINT TB)*

ประมาณการ 2Q68F: คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ

Event : ประมาณการ 2Q68F และปรับประมาณการกำไรกับราคาเป้าหมายใหม่ 

lmpact 

กำไรปกติ 2Q68F จะพุ่งขึ้น QoQ อย่างมีนัยสำคัญ

เราคาดว่า MINT จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q68F แข็งแกร่งที่ 3.35 พันล้านบาท (+18.6% YoY และ +703.5% QoQ) และคาดกำไรปกติที่ 3.35 พันล้านบาท (+3.7% YoY และ +6,617.3% QoQ) กำไรที่พุ่งขึ้น QoQ ส่วนหนึ่งจากฐานกำไร 1Q68 ต่ำ ขณะที่เราคาดว่าไม่น่ามีรายการพิเศษเกิดขึ้นใน 2Q68F เมื่ออิงตามประมาณการกำไรใหม่ของเรา กำไรปกติ 2Q68F และ 1H68F ของ MINT จะคิดเป็น 37.4% และ 47.7% ของประมาณการเราทั้งปีตามลำดับ โดยรวมแล้ว ปัจจัยหนุนหลักของผลงานใน 2Q68F จะมาจาก i) เป็นช่วง high season ของการท่องเที่ยวในยุโรป (RevPar +4% YoY) และมัลดีฟส์ (+40% YoY) และ ii) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง YoY จากการชำระหนี้ล่วงหน้าแล้ว สวนทางกับ ผลประกอบการใน 2Q68F ของโรงแรมในประเทศไทยที่คาดว่าจะชะลอลง QoQ หลังจากการเข้าสู่ช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว ซึ่งรายได้ต่อห้องต่อคืน (RevPar) อาจลดลง 5% YoY ขณะที่ RevPar ของโรงแรมในออสเตรเลียน่าจะเพิ่มเล็กน้อย YoY ทางด้านผลการดำเนินงานธุรกิจร้านอาหารรวมน่าจะทรงตัว YoY แต่ธุรกิจร้านอาหารในออสเตรเลียน่าจะบวก 3% YoY ส่วนธุรกิจร้านอาหารในไทยอาจดูไม่น่าตื่นเต้นนักเมื่อพิจารณาจากแบรนด์หลัก ๆ (The Pizza Company, Sizzler, Dairy Queen และ Bon Chon) ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ในสาขาเดิม (SSSG: Same Store Sales Growth) ลดลง -1.5% YoY และอัตราการเติบโตของสาขาทั้งหมด (TSSG: Total Store Sales Growth) ลดลง -2.5% YoY ด้วย อีกทั้งการบริโภคที่อ่อนแอในจีนน่าจะทำให้ยอดขายต่อร้านเดิม (SSS: same store sales) ลดลง 7% YoY (เทียบกับลดลง 10% YoY ใน 1Q68) อย่างไรก็ดี เราคาดว่ารายได้รวมใน 2Q68F จะทรงตัว YoY แต่โต 23.0% QoQ อยู่ที่ 4.38 หมื่นล้านบาทผลจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นหลัก ในแง่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) น่าจะอยู่ที่ 44.5% ลดจาก 45.4% ใน 2Q67 และเพิ่มจาก 40.8% ใน 1Q68 ตามธุรกิจโรงแรมที่เติบโต QoQ ในขณะเดียวกัน รายจ่ายดอกเบี้ยก็น่าจะลดลง YoY จากการที่ได้ชำระหนี้ล่วงหน้าไปแล้วใน 4Q67

ปรับลดประมาณการกำไรลง 5.9% ในปี 2568F และ 11.4% ในปี 2569F 

หากกำไร 1H68F เป็นไปตามที่เราคาดไว้ เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2568F และ 2569F ลงเพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มด้านลบมากขึ้นตามสมมติฐานดังนี้: i) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยปี 2568F และ 2569F น้อยกว่าที่เคยคาดไว้, ii) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 4.6% ในปี 2568F และ 5.0% ในปี 2569F และ iii) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลง 0.7ppt ในปี 2568F และปี 2569F ดังนั้นประมาณการกำไรปกติใหม่ปี 2568F ของเราจะอยู่ที่ 8.96 พันล้านบาท (+15.6% YoY) และปี 2569F อยู่ที่ 1.027 หมื่นล้านบาท (+14.6% YoY)  

Valuation & Action 

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยขยับราคาเป้าหมายใหม่ไปเป็นกลางปี 2569 อยู่ที่ 33.50 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 9x หรือ -1.0 S.D.) จากเดิม 38.50 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ปี 2568F ที่ 10x) 

Risks 

ความไม่สงบทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 

- Advertisement -