บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Hotel Sector: โรงแรมส่วนใหญ่น่าจะถึงจุดต่ำสุดใน 2Q68F

Event : ปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยในปี 2568F และ 2569F 

Impact 

มองบวกน้อยลงกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568F

ใน 1H68 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยว 16.69 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 7.43 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติสามอันดับแรกมาจากจีน, มาเลเซีย และ เกาหลีใต้ ในขณะที่มีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมบ่งชี้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 จากประเด็นความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้ การฟื้นตัวเมื่อเทียบกับระดับก่อน COVID ระบาด (2562) ยังต่ำกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอย่าง เช่น ญี่ปุ่น และเวียดนาม โดยการฟื้นตัวของไทยยังต่ำกว่าเมื่อปี 2562 อยู่ 12% การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถูกสั่งให้ปรับแผนการตลาดใน 2H68 โดยเน้นให้ความสำคัญกับกับการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มียอดจับจ่ายสูง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง (สำหรับ medical tourism), สเปน, เยอรมนี, สวีเดน, อังกฤษ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังมุ่งเน้นพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน, เพิ่มศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเดิม, สร้างจุดหมายด้านการท่องเที่ยวใหม่ ๆ และ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ความริเริ่มใหม่ ๆ อย่างเช่น การออกแบบเส้นทางเดินตามรอยรากเหง้าทางวัฒนธรรม (“Routes to Roots”) มีเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนจุดหมายการท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักให้เป็น hotspot ด้านการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ด้วยการใช้ประโยชน์จาก mobility data เพื่อระบุ cluster ของเส้นทางท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง

ปรับลดสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568F ลง 6.7% และ ปี 2569F ลง 6.6% 

เมื่อพิจารณาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 1H68 เราคิดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง 34.1% YoY น่าจะทำให้การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568F ต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ ดังนั้น เราจึงปรับลดสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ลงเป็น 34.1 ล้านคน (จากเดิม 36.5 ล้านคน) และในปี 2569 ลงเป็น 35.5 ล้านคน (จากเดิม 38.0 ล้านคน) ซึ่งเมื่ออิงตามประมาณการใหม่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 1H68 จะคิดเป็น 48.9% ของประมาณการเต็มปี เมื่อมองต่อไปข้างหน้า เราคาดว่ายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะตามปกติการท่องเที่ยวจะชะลอตัวตามฤดูกาลใน 3Q จากนั้นจะเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งใน 4Q ทั้งนี้ เราไม่ได้มองบวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนใน 2H68F เพราะเราคาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะลดลง 30.0% YoY ในปี 2568F แต่เราคาดว่าการเติบโตจะมาจากนักท่องเที่ยวทางฝั่งยุโรป, เอเชียใต้, Oceania และ ญี่ปุ่น (Figure 1) สำหรับแนวโน้มในปี 2569F เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 35.5 ล้านคน (+4.1% YoY) โดยน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง YoY จากจุดต่ำสุดใน 1H68F

คาดว่าธุรกิจโรงแรมจะแผ่วลง QoQ ใน 2Q68F 

ตามปกติแล้ว 2Q และ 3Q จะเป็นฤดูที่การท่องเที่ยวไทยชะลอตัว ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมใน 2Q68F จะไม่น่าตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของกลุ่มโรงแรมน่าจะได้แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล (อย่างเช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 จำนวน 1 ล้านสิทธิ์ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2568 ประกอบกับการอุดหนุนจากรัฐบาล) 

MINT เป็นหุ้นเด่นของเรา 

เราเชื่อว่าธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดเอาไว้ก่อนหน้านั้น โดยมีปัจจัยลบต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว, สงครามการค้าสหรัฐ และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในกลุ่มโรงแรมยังซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า -1.0S.D. ทำให้เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight โดยเราเลือก MINT เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ และประเมินราคาเป้าหมายกลางปี 2569F ที่ 33.50 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 9x หรือเท่ากับ -1.0S.D.) 

 Risk 

เกิดโรคระบาด, เศรษฐกิจโลกถดถอย และ ความวุ่นวายทางการเมือง 

 

 

- Advertisement -