บล.ฟินันเซีย ไซรัส:

BANGKOK COMMERCIAL ASSET MNGT. (BAM TB)

Slowdown tests new leadership

  • เราคาดปัจจัยกดดันการเติบโตซึ่งจะฉุดการเก็บหนี้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะมีพัฒนาการเชิงบวกหลัง ดร. รักษ์ เริ่มเข้ารับตำแหน่ง
  • เราคาดว่า BAM จะรายงานกำไรสุทธิ 2025 อยู่ที่ 2,932 ลบ. สูงขึ้น 83% y-y จากการเก็บหนี้จากบัญชีที่มีมูลค่าสูง
  • เราคงคำแนะนำ “ถือ” BAM ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 6.85 บาท

บททดสอบของผู้นำใหม่

ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ของ BAM ดร. รักษ์ วรกิจโภคาทร กำลังวางตำแหน่งบริษัทฯ เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน 2 ความคิดริเริ่มสำคัญ: 1) การฟื้นฟูลูกหนี้ด้อยคุณภาพให้กลับมามีสภาพคล่องทางการเงินผ่านแผนการชำระหนี้แบบยืดหยุ่นผ่านระบบดิจิทัลอย่าง BAM Choice และ 2) การเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้สามารถทำการตลาดได้มากยิ่งขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากความร่วมมือใหม่ในการปรับปรุงสินทรัพย์ให้เป็นที่อยู่อาศัยพร้อมใช้ ในขณะที่เรามองกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นบวก เรายังคงระมัดระวังในระยะสั้นจากปัจจัยกดดันต่อเนื่องในด้านเศรษฐกิจมหภาคซึ่งอาจฉุดรั้งแนวโน้มการเก็บหนี้

ภาพเศรษฐกิจมหภาคที่อ่อนแอจะกดดันการเก็บหนี้

จากสถานการณ์ภาษีนำเข้าของทรัมป์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เรามองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2025 และ 2026 จะชะลอตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากประมาณการตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่า 2% ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในทั้ง 2 ปี เราคาดว่าความสามารถในการเก็บหนี้ของ BAM จะเผชิญความท้าทาย แม้ว่าจะมีพัฒนาการใหม่ ๆ ภายใต้การบริหารของ ดร. รักษ์ ในขณะที่เราคาดว่าการเก็บหนี้ในปี 2025 จะอยู่ในเกณฑ์ดีที่ประมาณ 17.8 พัน ลบ. บนสมมติฐานการเก็บหนี้จากบัญชีที่มีมูลค่าสูง 2 รายการ (หนี้ด้อยคุณภาพ: 2.8 พัน ลบ., สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ: 1.45 พัน ลบ.) เราคาดว่าตัวเลขในปี 2026-27 จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 15.5 พัน ลบ. และ 16.4 พัน ลบ. ตามลำดับ

การลงทุนขยายหนี้ด้อยคุณภาพที่ทรงตัวแม้ว่าอุปทานน่าจะพุ่งขึ้น

จากข้อมูลในไตรมาส 1Q25 ของ ธปท. หนี้ด้อยคุณภาพในระบบการเงินของไทยสูงขึ้น 1.5% y-y เป็นประมาณ 510 พัน ลบ. เราเชื่อว่า BAM ในฐานะที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในตลาดฯ อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากอุปทานหนี้ด้อยคุณภาพที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดีจากข้อจำกัดทางการเงินของบริษัทฯ เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนหนี้ต่อส่วนผู้ถือหุ้น เราคาดว่า BAM จะยังเลือกซื้อหนี้ด้อยคุณภาพด้วยความระมัดระวัง และคงอัตราการลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพไว้ตามเดิมที่ประมาณ 9.0-9.3% ซึ่งทำให้คาดว่าการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจะอยู่ที่ประมาณ 8 พัน ลบ. ในปี 2025 และ 2026 ก่อนลดลงเหลือ 7.8 พัน ลบ. ในปี 2027 ในขณะเดียวกันเราคาดอัตราการจ่ายเงินปันผลจะทรงตัวที่ประมาณ 70% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

คงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 6.85 บาท

เราคงคำแนะนำ “ถือ” BAM แม้ว่ากำไรปี 2025 น่าจะออกมาดีจากการเก็บหนี้จำนวนมากใน 2Q25 เราเชื่อว่าช่วงเวลาหลังปี 2025 จะมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของไทยและระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ราคาเป้าหมายของเราในปี 2025 อยู่ที่ 6.85 บาท (GGM) บนสมมติฐาน Target P/BV ที่ 0.48x (ROE 6.5%, COE 12.2%)

ทั้งนี้บทวิเคราะห์ฉบับนี้ปัจจุบันจัดทำโดยคุณ ณฐพล พงษ์สุขเจริญกุล

 

- Advertisement -