ระดับภาษีที่ไทยเผชิญจากสหรัฐฯ ไม่เสียเปรียบการแข่งขัน
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 330 จุด (-0.7%) ตลาดจับตาดูท่าทีเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศก่อนที่จะเข้าใกล้เส้นตายภาษี ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.97% ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ
Market Outlook
เมื่อวานที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน มิ.ย. ขยายตัว 2.6%YoY มากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.5%YoY ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 2.8%YoY มากกว่าคาดการณ์ที่ 2.7%YoY พร้อมกับรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.18 แสนราย ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.24 แสนราย ภาพรวมสะท้อนถึงนโยบายการเงินของ FED ที่อาจจะยังไม่เร่งผ่อนคลายเร็วๆ นี้ ด้วยแรงงานยังแข็งแกร่งผสานเงินเฟ้อขยายตัว ทำให้ Dollar Index แข็งค่าต่อเนื่องและอีกนัยยะหนึ่งอาจกดดันเงินบาทอ่อนค่า จึงระมัดระวังการไหลออกของกระแสเงินทุนต่างชาติ ล่าสุด CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 61% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยระดับเดิมในการประชุมเดือนกันยายน สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดพันธบัตรพบว่า Yield เร่งขึ้น
สำหรับสถานการณ์ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ กับนานาประเทศพบว่าสหรัฐฯ ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตรา 19% ลดลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่เคยประกาศว่าจะเก็บไทยมากถึง 36% ระดับที่ 19% ก็ถือว่าใกล้เคียงกับภูมิภาค (Taiwan 20% Vietnam 20% Philippines 19% Malaysia 19% Indonesia 19%) อย่างไรก็ตามพม่าเผชิญค่อนข้างสูงที่ 40% ด้วยระดับที่ใกล้เคียงกับภูมิภาคก็เชื่อว่าทำให้ไทยสามารถแข่งขันได้กับการส่งออกและการย้ายฐานผลิตมายังประเทศไทย กลุ่มส่งออกและนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันก่อนหน้าก็ยังมองเป็นโอกาสสะสมได้ด้วย Valuation ที่ไม่แพง
แต่อย่างไรก็ตามกับ SET INDEX เชื่อว่าที่ปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดราว 17% สะท้อนการเจรจาภาษีไปในระดับหนึ่งแล้วเมื่อผสานกับ PE ที่ค่อนข้างสูง (ซื้อขายราว 13.9x) ทำให้ Upside ด้านบนจะเริ่มจำกัด ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ธนาคารแห่งประเทศประเมินว่าจะขยายตัวเพียง 1.6%YoY (ครึ่งแรกขยายตัวได้ 2.9%YoY) และปีหน้าขยายตัว 1.7%YoY เป็นระดับที่มิได้สูงมากนัก
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในครอบ 1230 – 1250 จิตวิทยาการลงทุนเริ่มเป็นลบจากการที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลง (Nikkei -1% Korea -2.4%) ประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกสะท้อนการเจรจาการค้าไปแล้ว หลังจากนี้จะให้น้ำหนักกับผลประกอบการและทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะเร่งขึ้นหรือไม่เพราะ Tariff Rate ใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะกดดันทิศทางกระแสเงินทุนและการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดจาก FED ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยลดสัดส่วนการลงทุน และควรเพิ่มน้ำหนักในหุ้น Defensive เพื่อเตรียมรับกับสภาวะเศรษฐกิจที่อาจไม่ดีเท่าใดนักในครึ่งหลัง (BDMS) อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นอาจเลือก Trading ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) ราคาหุ้นยังฟื้นตัวไม่มากและยังมี Upside เทียบกับวันประกาศ Reciprocal Tariff ขณะที่ Valuation ยังถูกซื้อขายเพียง 6.4x , 10x PE
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50)
มองว่าผลประกอบการในช่วง 1-2 ปีนี้ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ไม่มากนัก เนื่องจากมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้อยู่กว่า 24,000 ล้านบาท ขณะที่การขายที่ดินในช่วง 1H25 ทำได้กว่า 750 ไร่โดยระยะสั้นได้แรงหนุนจากการประกาศภาษีของสหรัฐฯ
WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.3)
การขายที่ดินยังทำได้ดี โดยคาดว่าจะออกมาเกินกว่าเป้าที่บริษัทคาดไว้ หลังจากในช่วง 1H25 กำได้กว่า 1,200 ไร่ และมีการเจรจารอเซ็น สัญญาอีกกว่า 1,400 ไร่ ซึ่งยังไม่รวมลูกค้าในกลุ่ม Data Center ที่มีการเจรจาอีกกว่า 1,000 ไร่