บล.พาย:

BANKING: เผชิญความท้าทายสูงขึ้นใน 2H25 (NEUTRAL)

TOP PICK: KTB SCB

กำไรสุทธิรวมผ่านระดับสูงสุดไปแล้วใน 1Q25 โดยกลุ่มธนาคารรายงานกำไรสุทธิรวมที่ 57.2 พันลบ. (+4.1% YOY, -3.6% QoQ) และกำไรรวมใน 1H25 อยู่ที่ 116.5 พันล้านบาท (+4.9% YoY) ขณะที่ NPL ratio ทรงตัวที่ 3.7% สำหรับแนวโน้มใน 2H25 เรามอง ว่าธนาคารต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นจาก (1) เศรษฐกิจชะลอตัว (2) ผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐที่ยังมีความไม่แน่นอน (3) เสถียรภาพรัฐบาลไทย และ (4) ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เราคาดว่ากำไรรวมใน 2H25 จะลดลง HoH แต่แนวโน้มจะทรงตัว YoY โดยคาดว่ากำไรสุทธิรวมในปี 2025 จะเติบโตชะลอตัวที่ 1% YoY อย่างไรก็ดี Valuation ของกลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.7x PBV’25E (-0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี) และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงช่วยลดความผันผวนของราคา เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก KTB SCB เป็นหุ้นเด่น

กำไรรวมใน 2Q25 ตามคาด หลังจากผ่านระดับสูงสุดใน 1Q

  • กำไรสุทธิรวมใน 2Q25 อยู่ที่ 57.2 พันลบ. (+4.1% YoY, -3.6% QoQ) ปัจจัยหนุนกำไรเติบโต YoY เนื่องจาก (1) รายได้ที่มีใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกำไรจากพอร์ตลงทุน และกำไรสุทธิจาก FVTPL สูงขึ้น (2) สำรองหนี้ฯ ลดลง และ (3) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง ขณะที่กำไรปรับลดลง QoQ เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง โดย SCB โดดเด่นที่สุด เพราะกำไรเติบโต YoY และ QoQ ทั้ง PPOP และกำไรสุทธิ ขณะที่ CREDIT KKP รายงานกำไรสุทธิเติบโต YoY และ QoQ
  • กำไรสุทธิรวมใน 1H25 ที่ 116.5 พันล้านบาท (+4.9% YoY) เนื่องจากกำไรจากพอร์ตลงทุน และกำไรจาก FVTPL สูงขึ้น กอปรกับสำรองหนี้ฯ ลดลง โดย CREDIT กำไรเติบโตโดดเด่น +44% YoY นอกจากนี้ BBL SCB KKP รายงานกำไรเติบโต YOY

สินเชื่ออ่อนแอ QoQ หนี้เสียปรับสูงขึ้น แต่ยังควบคุมได้

  • สินเชื่อรวมลดลงต่อเนื่อง 0.2% QoQ ที่ 12.2 ล้านล้านบาท ส่งผลให้สินเชื่อใน 1H25 ลดลง 0.8% YTD เนื่องจาก (1) ความต้องการสินเชื่อที่ชะลอตัว (2) ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อใหม่ และ (3) โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ทั้งนี้มีเพียง CREDIT KTB และ TISCO ที่สินเชื่อขยายตัว QoQ ใน 2Q25
  • หนี้เสียรวมใน 2Q25 เพิ่มขึ้น 0.9% QoQ และเพิ่มขึ้น 3.7% YTD ใน 1H25 ยังเป็นระดับควบคุมได้ ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจาก BBL (+23% YTD) โดย NPL ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารทรงตัว QoQ ที่ 3.7% ใน 2Q25 โดยมีเพียง BBL ที่ PL ratio เพิ่มขึ้น ขณะที่ SCB CRED KKP มี NPL ratio ลดลง ส่วน Coverage ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารลดลงเล็กน้อยที่ 183.9%

ความท้าทายด้านเศรษฐกิจสูงขึ้นใน 2H25 คาดกำไรรวมปี 2025 เติบโตชะลอตัวที่ 1% YoY

  • นโยบายภาษีของสหรัฐส่งผลกระทบเชิงกว้างต่อการค้าโลกสร้างความท้าทายต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย ธนาคารแห่งประเทศคาดเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 1.7% ใน 2H25 จาก 2.9% ใน 1H25 นอกจากนี้ เสถียรภาพของรัฐบาลไทยก็เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจใน 2H25
  • เราคาดว่ากำไรใน 2H25 จะอ่อนตัวลง HoH เทียบกับใน 1H25 จาก (1) ปัจจัยฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจะสูงขึ้น และ (2) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิแนวโน้มลดลง เพราะ NIM อ่อนตัวลงแม้สินเชื่ออาจจะฟื้นตัว ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิรวมในปี 2025 จะเพิ่มขึ้น 1% ชะลอตัวจาก +9% ในปี 2024
  • ฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่งทำให้ธนาคารจะสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ และสามารถรักษาการจ่ายเงินปันผลสูงได้ โดยคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 6.5% ในปี 2025

คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” KTB SCB เป็นหุ้นเด่น

คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เพราะแม้อัตราการเติบโตของกำไรปี 2025 จะไม่โดดเด่น แต่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6.7% ในปี 2025 และ Valuation ไม่แพง กลุ่มฯ ซื้อขายที่ 0.7x PRV’25F หรือ -0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี อย่างไรก็ดี ความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัว และเสถียรภาพรัฐบาลเพิ่มความเสี่ยงการลงทุน อาจกดดันราคาหุ้นธนาคารผันผวน ดังนั้น หาจังหวะซื้อราคาอ่อนตัว เลือก KTB SCB เป็นหุ้นเด่นจาก (1) Valuation ไม่แพง และอัตราผลตอบแทนในการลงทุนสูง (2) ผลตอบแทนเงินปั่นผลสูง 7-9% ในปี 2025 และ (3) งบดุลแข็งแกร่ง

- Advertisement -