บล.เคจีไอ (ประเทศไทย): 

TidLor Holding (TIDLOR.BK/TIDLOR TB)*

ยังพอมีอัพไซด์จากต้นทุนทางการเงิน และปันผลเพิ่มเป็นตัวช่วย

Event : ผลประกอบการ 2Q68F, ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568F/2569F และ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย

lmpact 

คาดว่ากำไรใน 2Q68F จะอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (ทรงตัว QoQ, 12% YoY), +11% ในงวด 1H68F 

ประมาณการของเราอิงจากสมมติฐาน 1.) สินเชื่อโตคงที่ +0.7% QoQ และ +1.5% YTD 2.) มาร์จิ้นสินเชื่อดีขึ้นเล็กน้อยประมาณ +20bps QoQ แต่ลดลง 110bps YoY เนื่องจากยีลด์สินเชื่อดีขึ้น และ ต้นทุนการระดมทุนลดลง 3.) คชจ.สำรองฯ (credit cost) ทรงตัวอยู่ที่ 3% (จาก 3% ใน 1Q68 และ 3.6% YoY)  ทั้งนี้ credit cost ที่ทรงตัวสะท้อนว่า 1.) การตัดหนี้สูญ (write-off) หนี้เสียผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และสินเชื่อเสี่ยงสูงในกลุ่ม H/P รถบรรทุกลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ประมาณ 16% (จากประมาณ 20% ใน 2Q67) 2.) มีส่วนรองรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น สะท้อนจากสัดส่วน ECL/สินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% (จาก 4.2% ใน 2Q67) และ สัดส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้นเป็น 256% (จาก 255% ใน 1Q68 และ 227% ใน 2Q67) 

คาดว่าต้นทุนทางการเงินจะทรงตัวไปจนถึงสิ้นปี และ จะลดลงอย่างมากในปีหน้า 

เราคิดว่าต้นทุนทางการเงินของ TIDLOR น่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.6-3.7% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนเงินทุนระยะยาวก้อนใหญ่ ซึ่งล็อคต้นทุนและจะครบอายุในปี 2569F เราคาดว่าการ Refinance น่าจะทำให้ต้นทุนการระดมทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยรองรับผลประกอบการหาก credit cost เกิดความผันผวนปีหน้า 

คาดว่า credit cost ยังคงลดลงมา <3%ในปี 2568F (จาก 3.5% ในปี 2567) 

บริษัทเผยว่าคชจ.สำรองฯ ได้ผ่านจุดสูงที่สุดไปแล้ว เนื่องจากตัดขาดทุนก้อนใหญ่จากสินเชื่อรถบรรทุกในปี 2567 ซึ่งทำให้คชจ.สำรองฯ อยู่ที่ 4% ใน 3Q67 และ 3.5% ในงวดปี 2567 ทั้งนี้ เนื่องจากราคารถมือสองดีขึ้น และ มีการตัดหนี้สูญไปมากแล้วในปี 2567 ดังนั้นคชจ.สำรองฯ ใน 1Q68 จึงอยู่ที่ประมาณ 3% และ น่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้ใน 2Q68 และ ต่อเนื่องไปถึง 2H68F ด้วย 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568F/2569F ขึ้นปีละ 7%, ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2568F เป็น 20.3 บาท, ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ 

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนถึง 1.) การปรับลดสมมติฐานคชจ.สำรองฯ ในปี 2568F/2569F เป็น 3% ทั้งสองปี (จากเดิม 3.2%) 2.) การปรับลดอัตราการเติบโตของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็น +7.5%/+8% (จากเดิม 10% ทั้งสองปี) เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมโตช้า นอกจากนี้ เรายัง re-rate PE เป็น 12.5x (จากเดิม 11.5x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2568F ใหม่ที่ 20.3 บาท (จากเดิม 17.5 บาท) และ ปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ เพื่อสะท้อนถึงการที่ TIDLOR อาจปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล (payout ratio) หลังจากที่เปลี่ยนมาเป็นบริษัท holding และ สามารถเพิ่ม ROE ได้จากการขยายธุรกิจ หรือ การบริหารจัดการเงินทุน 

Risks 

ราคารถมือสองลดลงไปอีก, NPLs เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อจำนำทะเบียน, credit cost เพิ่มขึ้น

- Advertisement -