เก่งหลังเกมส์
SET Index เพิ่มขึ้น 11.07 จุด (+0.91%) ปิดที่ระดับ 1,229 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 193บริษัท, หุ้นปรับลง 255 บริษัท) ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอในสหรัฐ กดดันเฟดลดดอกเบี้ยเร็ว กระแส Search for yield หนุนเงินไหลเข้าเอเชียและตลาดเกิดใหม่ Sector ปรับขึ้นหนุนดัชนีวันนี้ คือ อิเล็กฯ (DELTA), ไฟแนนซ์ (MTC, TIDLOR, SAWAD) และโรงพยาบาล (BH, BDMS), ส่วน Sector ที่ปรับลง คือ กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT, TU), กลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น (PTT, PTTEP, TOP)
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
BH (+6.25%), BDMS (+1.44%), BCH (+1.46%) บวกเด่นวันนี้มี Analyst meeting ให้โทน “slightly positive” แนวโน้ม 3Q25F กลับมาเติบโตรายได้จากตะวันออกกลางผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วสะท้อนสัดส่วนจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 23% จาก 18% ใน 1Q25 นอกจากนี้ยังมี growth story จากการปรับขึ้นราคาราว 4%y-y เป็นจิตวิทยาบวกดึงหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลปรับขึ้นเด่นยกกลุ่ม
DELTA (+3.87%) ยังเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากกระแส Data Center, Cloud และ AI หลัง 4 ผู้ประกอบการยักษใหญ่ในกลุ่ม Tech ของโลก คือ Google, MS, Meta และ AWS ให้ Guidance หลังประกาศงบ 2Q25 จะเพิ่มงบลงทุนโดยเฉพาะ AI อย่างมีนัยสำคัญเป็นบวกกับ DELTA ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชิ้นส่วนบ้านเราที่มีห่วงโซ่อุปทานอยู่ใน 3 อุตสาหกรรมดังกล่าวมากที่สุด
MTC (+2.78%), TIDLOR (+3.59%), SAWAD (+1.03%) นักลงทุนเข้าเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงหลังสหรัฐทำช็อกรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm payrolls) ต่ำคาดและปรับลดตัวเลขในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. เหลือ 14,000 และ 19,000 ตำแหน่ง (ต่ำมาก) ปัจจัยนี้คาดว่าจะกดดันให้เฟดลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. ส่วนแบงก์ชาติบ้านเรามีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุม 13 ส.ค. นี้เช่นกันจากเงินเฟ้อไทยยังติดลบ เศรษฐกิจรวมอ่อนแอมากขึ้นจากปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา และ ปัญหาน้ำท่วมจากผลของพายุวิภา
SCC (+3.05%), PTTGC (+1.27%), IVL (+1.34%) คาดกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรฯ ใกล้สิ้นสุดแนวโน้มขาลง นโยบายคุมการผลิตส่วนเกินของจีนเพื่อคุมเงินฝืดจะผลักดันให้ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตรฯ ทยอยฟื้นตัว
GULF (+2.21%) แนวโน้มกำไรโตเด่น เบื้องต้นนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเราคาดกำไรปกติ 2Q25F ที่ 7,121 ลบ. (+50% y-y, +32% q-q) จาก 1) รายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลหรือเป็น Peak Season ของโรงไฟฟ้า IPP และ SPP, 2) ส่วนแบ่งกำไร (+57% y-y, +46% q-q) จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC เต็มไตรมาสหลังควบรวมใน 2Q25F และ 3) รับรู้ Dividend Income จาก KBANK ราว 900 ลบ.