บล.กสิกรไทย:
SAPPE : คาดกำไรไตรมาส 2/68 ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
- เราคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 2/2568 จะอยู่ที่ 248 ลบ. (-40% YoY และ +11% QoQ) เราคาดว่ายอดขายไตรมาส 2/2568 จะอยู่ที่ 1,501 ลบ. ฟื้นตัวขึ้น 29% QoQ เนื่องจากผู้จัดจำหน่ายในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสกลับมาสั่งซื้ออีกครั้งหลังการลดสต็อกสินค้าสิ้นสุดลง แต่ลดลง 26% YoY จากฐานที่สูงในปีที่แล้ว
- เราคาดว่ายอดขายในต่างประเทศจะอยู่ที่ 1,106 ลบ. (-33% YoY และ +48% QoQ) เนื่องจากยอดสั่งซื้อในสหภาพยุโรปดีขึ้น QoQ หลังผ่านพ้นช่วงการลดสต็อกสินค้า
- ขณะที่ยอดขายในประเทศที่มีปัจจัยหนุนจากการเปิดตัวสินค้าใหม่คาดจะอยู่ที่ 395 ลบ. (+17% YoY และทรงตัว QoQ) และคิดเป็นสัดส่วนที่ 26% ของยอดขายรวม
- เราคาดว่า GPM จะลดลงมาอยู่ที่ 44.5% (-260 bp YoY และ -150 bp QoQ) จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นซึ่งถูกหักล้างจากต้นทุนน้ำตาลและ PET ที่ลดลงและอัตราการผลิตที่ดีขึ้น
- เราคาดว่าสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้จะอยู่ที่ 26.3% (+50bps QoQ และ +80bps YoY) จากค่าใช้จ่ายการตลาดตามฤดูกาลและการจัดชั้นวางสินค้าใหม่ในยุโรป
- ประมาณการกำไรปกติครึ่งแรกปีนี้ของเราอยู่ที่ 472 ลบ. (-20% YoY) หรือคิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ของเรา
- คาดกำไรครึ่งหลังปีนี้เติบโตขึ้น YoY (จากฐานที่ต่ำ) เราคาดว่ายอดขายครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตขึ้นจากความต้องการตามฤดูกาลและสต๊อกสินค้าในยุโรปที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวครั้งนี้จะขับเคลื่อนด้วยปริมาณ ไม่ใช่ราคาขาย เราคาดว่า GPM จะยังน้อยกว่าระดับในไตรมาส 1/2568 ที่ 46% เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าชดเชยต้นทุนน้ำตาลและ PET ที่ลดลงรวมถึงการใช้กำลังผลิตที่ดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่คาดว่าสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากการกลับเข้าสู่ช่วงการโปรโมตสินค้า โมเมนตัมการเติบโตในยุโรปดีขึ้นแต่อุปสงค์ในเกาหลีและอินโดนีเซียอ่อนตัวลง ปัจจัยเสี่ยงด้านภาษีในสหรัฐฯ และความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยฉุดแม้ทั้งสองปัจจัยจะส่งผลกระทบน้อยกว่ายุโรปและเอเชียมาก
- แนะนำ “ถือ” TP ที่ 40.00 บาท เรายังคงมีมุมมองเป็นกลางในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังคงกดดัน GPM และการเติบโตเชิงโครงสร้างในตลาดหลักยังคงไม่แน่นอน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่อ่อนแอ และความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการขยายกำลังการผลิตในปี 2569