บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
True Corporation (TRUE.BK/TRUE TB)*
เติบโตชะลอลงและปรับลด guidance ปี 2568
Event : ผลประกอบการ 2Q68 กับประชุมทางโทรศัพท์สั้น ๆ และแนวโน้มธุรกิจ
Impact
แนวโน้มการเติบโตได้ช้าลงทำให้บริษัทปรับลด guidance ปี 2568 ลง
ผู้บริหาร TRUE ได้ปรับ guidance ปี 2568 ลงใหม่ โดยปรับลด EBITDA ลงเหลือ 7-8% (จาก 8-10%) และลดรายได้จากการให้บริการมือถือลงจากเติบโตเป็นเพียงทรงตัวที่ +1% (จาก 2-3%) (Figure 6) สะท้อนถึง GDP ของไทยที่เติบโตชะลอตัวและเหตุการณ์ที่เครือข่ายขัดข้อง อย่างไรก็ดี TRUE ยังคงงบลงทุน (CAPEX) ไว้ที่ 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท (1H68: 1.27 หมื่นล้านบาท) และคาดจะจ่ายเงินปันผลงวด 2H68 ในอัตรา ≥50% ของกำไรสุทธิรวม ขณะที่ เราคาดว่าตลาดจะตอบรับเชิงลบเล็กน้อยต่อการปรับลด guidance ลงครั้งนี้ เพราะเราเชื่อว่าตลาดเคยหวังว่ากำไรจะโตมากจากต้นทุนของการประมูลคลื่นความถี่ลดลง (คาดไว้ที่ 5.3 พันล้านบาทต่อปี) ในขณะที่เราและนักวิเคราะห์ในตลาดได้รวมปัจจัยนี้ไว้ในประมาณการแล้ว แต่ตลาดอาจมองข้ามแรงกดดันต่อโมเมนตัมของรายได้และศักยภาพในการลดต้นทุนที่ลดลงหลังจากการปรับปรุงเครือข่ายให้ดีขึ้นจบใน 3Q68 (คืบหน้าไปแล้ว 94% ใน 2Q68)
ผลประกอบการ 2Q68 – กำไรสุทธิน่าผิดหวัง แต่กำไรหลักตามคาด
กำไรสุทธิ 2Q68 ของ TRUE ที่ 2.0 พันล้านบาท (+24% QoQ และพลิกจากขาดทุนสุทธิ 1.9 พันล้านบาทใน 2Q67) ซึ่งต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 18%/25% จากรายการพิเศษต่าง ๆ (รวมถึงการด้อยค่าที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเครือข่าย (1.8 พันล้านบาท) และสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกบริการคลื่น 850MHz (685 ล้านบาท) และกำไรทางภาษี (368 ล้านบาท) แต่อย่างไรก็ดี กำไรหลัก 2Q68 ของ TRUE ที่ 4.1 พันล้านบาท (-2% QoQ แต่ +96% YoY) เป็นไปตามทุกคาดการณ์ ทำให้กำไรหลัก 1H68F อยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปีของเรา การที่กำไรหลักลดลง QoQ เป็นผลจากรายได้การให้บริการมือถือที่ลดลงหลังเหตุเครือข่ายขัดข้องเมื่อ 22 พ.ค. 68 และรายได้จาก NT roaming ก็ชะลอลงด้วย ซึ่งถูกชดเชยไปบางส่วนด้วยการเติบโตของ FBB ส่วนกำไรหลักที่พุ่งขึ้น YoY เป็นผลจากการ synergy และต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่ารายได้ที่ลดลง
คาดกำไรสุทธิ 3Q68F โตปานกลางและอาจมีความเสี่ยงใน 2H68
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q68F จะโตแข็งแกร่งทั้ง QoQ และ YoY และมีโอกาสที่กำไรจะพีคใน 4Q68F (ช่วง high season ของธุรกิจ) หลังจากการรับรู้ต้นทุนคลื่นความถี่ใหม่ ได้แก่ 1500MHz และ 2300MHz โดยต้นทุนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 4 ส.ค. 68 ขณะที่ ต้นทุนการประมูลทั้งหมดอยู่ที่ 2.1770 หมื่นล้านบาท และ 4.654 พันล้านบาท ตามลำดับ แต่ทว่า ในช่วง 2H68 อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้น ได้แก่ อัตราการ churn ที่อาจเพิ่มขึ้นจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ลดลงหลังเหตุเครือข่ายขัดข้องและการสูญเสียสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (EPL) นอกเหนือจากผลลบต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยหดตัว
Valuation and action
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ประเมินราคาเป้าหมายที่ 12.30 บาท (DCF, WACC ที่ 6.7%) แม้ว่าราคาหุ้นจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่หุ้นขนาดใหญ่และหุ้นที่มีค่า beta สูงก็ตาม แต่เราเชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานของ TRUE ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งนี้ การที่ TRUE สามารถประหยัดต้นทุนได้มากจากการประมูลคลื่นความถี่ล่าสุดจะเป็นปัจจัยบวกที่ตลาดมองว่าได้สะท้อนในราคาหุ้นมากแล้ว
Risks
การแข่งขันเข้มข้น, กำลังซื้ออ่อนแอ, งบลงทุนสูงขึ้น และไม่สามารถสร้างมูลค่าจาก synergy ได้