บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
EASTERN POLYMER GROUP (EPG TB)
ผ่านจุดต่ำแล้ว คาดกำไรทยอยฟื้นใน 1QFY26
- คาดกำไร 1QFY26 ฟื้น q-q จากการได้รับคำสั่งผลิตชิ้นส่วนโมเดลใหม่ของลูกค้า ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดใน 3QFY25 ไปแล้ว
- แนวโน้มธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกชะลอ แต่นวัตกรรมและการควบคุมต้นทุนและรายจ่ายช่วยชดเชยได้
- Valuation ถูกด้วย EV/EBITDA ต่ำเพียง 5.0x คงคำแนะนำซื้อ
คาดกำไร 1QFY26 ฟื้น q-q หลังผ่านจุดต่ำสุดใน 3QFY25 ไปแล้ว
เราเชื่อว่าผลประกอบการของ EPG ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3QFY25 (ต.ค.-ธ.ค. 2024) ผลการดำเนินงานใน 1QFY26 (เม.ย.-มิ.ย. 2025) มีแนวโน้มฟื้นต่ออย่างช้าๆ เป็นไตรมาสที่ 2 โดยคาดกำไรปกติที่ 320 ล้านบาท (+9.4% q-q แต่ยัง -5.9% y-y) กำไรที่ฟื้น q-q มาจากธุรกิจ Aeroklas ที่ได้รับคำสั่งผลิต Sidestep โมเดลใหม่ของลูกค้า ชดเชยชิ้นส่วนอื่นที่ลดลง และชดเชยรายได้จากอีก 2 ธุรกิจที่ถึงปรับลงเล็กน้อยเพราะบาทแข็งได้ เราจึงคาดรายได้รวมใน 1QFY26 +3.4% q-q เป็น 3.4 พันล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อนเพราะบริษัทเร่งส่งวัตถุดิบไปที่สหรัฐในระหว่างช่วงพักสงครามภาษี 90 วัน แต่การควบคุมรายจ่ายอื่น ทำให้กำไรปกติฟื้นตัวได้
แนวโน้มธุรกิจยานยนต์ชะลอ แต่นวัตกรรมช่วยชดเชยได้
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกยังมีทิศทางชะลอตัว ขณะที่ธุรกิจ Aeroklas สร้างรายได้ประมาณ 50% ของรายได้รวม และสร้างกำไรขั้นต้น 48% ของกำไรขั้นต้นรวม บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ลดลง 5% y-y (เราตั้งสมมติฐาน -6% y-y) สิ่งที่ EPG ปรับเพื่อประคองตัวคือนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีน้ำหนักเบา ลดต้นทุนให้ลูกค้า แม้ว่าปริมาณขายจะลดลง แต่พอจะประคองอัตรากำไรได้ ในส่วนของบริษัทร่วมทุนในแอฟริกาใต้ (ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์) ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ EPG ต้องตั้งสำรอง ECL มาเป็นเวลา 2 ปีและกดดันราคาหุ้น เราคาดว่าบริษัทจะตั้ง ECL อีกประมาณ 40 ล้านบาทใน 1QFY26 เป็นไตรมาสสุดท้าย เพราะสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ลูกหนี้การค้าเริ่มกลับมาชำระหนี้ตามปกติ
อัตรากำไรของ Aeroflex แข็งแกร่ง
ธุรกิจฉนวน Aeroflex มีแนวโน้มที่สดใส ตลาดหลักคือสหรัฐและญี่ปุ่นยังมีความต้องการสูง แม้ว่า Aeroflex จะสร้างรายได้ 30% ของรายได้รวม แต่เป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดคือ 46%-50% อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐที่ปรับขึ้นตั้งแต่ 1 ส.ค. นี้ไม่มีผลกระทบ เพราะโรงงานที่สหรัฐได้นำเข้าวัตถุดิบจากไทยเพื่อรองรับการผลิตเพียงได้ถึงประมาณ ก.พ. 2026 แล้ว ในทางตรงกันข้าม บริษัทอาจได้อานิสงส์จากการที่คู่แข่งเริ่มปรับขึ้นราคาขาย 5%-10% บริษัทอาจพิจารณาปรับขึ้นราคาขายตาม
คงประมาณการและคำแนะนำซื้อ แม้จะมีความท้าทายจากการค้าโลก
กำไรปกติ 1QFY26 ที่เราคาด คิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปี แต่ความเสี่ยงจากผลกระทบของนโยบายภาษีการค้าในช่วงที่เหลือของปี ทำให้เรายังคงประมาณการ และราคาเป้าหมาย 4.00 บาท (อิง EV/EBITDA 7.5x) ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ FY26E EV/EBITDA 5.0x (-1.5 SD) หรือ P/E เพียง 7.2x คงคำแนะนำซื้อ