ITEL เดินหน้าสู่ “Cloud Implementor” จับมือพันธมิตรต่างชาติ เสริมศักยภาพคว้าเมกะโปรเจกต์ปูทางสู่ Regional Player
ดร.ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2568 ว่า บริษัทฯ ยังคงรักษาเสถียรภาพทางธุรกิจและความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมเต็มที่เพื่อคว้าโอกาสจากโครงการสำคัญของประเทศอย่างโครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและเพื่อสังคม (USO Phase 3) ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างเท่าเทียม โดยโครงการนี้คาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังและต่อเนื่องในอนาคต
ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 663 ล้านบาท โดย ส่วนของบริษัทแม่มีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท จากการดำเนินงานปกติ สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ขณะที่ บริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 18 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายการผลขาดทุนด้านเครดิตของลูกค้ารายหนึ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ ซึ่งทำให้ต้องมีการตั้งสำรองทางบัญชีเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ส่งผลให้ผลประกอบการรวมขาดทุนเล็กน้อย ทั้งนี้ รายได้หลักยังได้รับแรงหนุนจากรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่เติบโตต่อเนื่องจากฐานลูกค้าองค์กรและเอกชนที่เหนียวแน่น พร้อมการเซ็นสัญญาลูกค้ารายใหม่อย่างสม่ำเสมอ คิดเป็นมูลค่าเพิ่มกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งรายได้ประจำถือเป็นรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในอนาคต ITEL เร่งขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น “Cloud Implementor” หรือผู้ให้บริการติดตั้งและวางระบบคลาวด์ครบวงจร เพื่อรุกตลาดที่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูง ควบคู่ไปกับการยกระดับ Interlink Data Center ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก PCI DSS เวอร์ชัน 4.0.1 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงของข้อมูล นอกจากนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มี Backlog รวมมูลค่า 1.8 พันล้านบาท
นอกจากการขยายธุรกิจแล้ว ITEL ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยตระหนักถึงผลกระทบของการขยายตัวของ Data Center ต่อการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงได้ดำเนินโครงการ “ITEL Green Data Center” เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมได้รับรางวัล Climate Action Leader ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมดิจิทัล เพิ่มศักยภาพการให้บริการ AI และ Cloud Infrastructure รวมถึงช่วยลดต้นทุนพลังงาน ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยกลยุทธ์และทิศทางที่ชัดเจน ทำให้ ITEL ตั้งเป้ารวมรายได้ปี 2568 ไว้ที่ 3.5 พันล้านบาทจากทุกบริษัทในกลุ่ม
ITEL กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการขยายสู่เวทีระดับภูมิภาค ด้วยการเจรจากับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากต่างประเทศซึ่งมีเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมครอบคลุมหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้เล่นรายสำคัญในตลาดดิจิทัลของภูมิภาค ความร่วมมือที่กำลังอยู่ระหว่างการหารือมีเป้าหมายเพื่อผสานศักยภาพของ ITEL เข้ากับโครงข่ายสื่อสารระหว่างประเทศ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และระบบคลาวด์ระดับโลก เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งในและนอกประเทศ พร้อมรองรับการเติบโตของการใช้งานดิจิทัลในอนาคต
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวยุทธศาสตร์ที่จะเสริมให้ ITEL ขยับจากการเป็นผู้ให้บริการภายในประเทศ สู่การเป็น “Regional Player” อย่างเต็มตัว ด้วยการขยายการเชื่อมโยงโครงข่ายและบริการสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เปิดโอกาสเข้าร่วมโครงการดิจิทัลขนาดใหญ่ในภูมิภาค และสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งในหลายตลาด ทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับสถานะของ ITEL ให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาภูมิภาคในระยะยาว
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ITEL และพันธมิตรได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent – LOI) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเชิงลึกของความร่วมมือ ก่อนเข้าสู่กระบวนการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในลำดับถัดไป
ดร.ณัฐนัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “หัวใจของ ITEL คือการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ บนพื้นฐานของมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดและการเติบโตอย่างยั่งยืน ความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพ พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สะท้อนถึงรากฐานที่แข็งแกร่ง วิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล และศักยภาพในการนำพา ITEL สู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทยและภูมิภาค”