CHAO เผยผลงานไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ทำรายได้รวม 340.2 ล้านบาท เดินหน้าปรับกลยุทธ์ค้าส่ง ครึ่งปีหลังมุ่งขยายตลาดต่างประเทศ พร้อมผนึกกำลัง “เถ้าแก่น้อย” พัฒนาสินค้า รุกช่องทางจำหน่ายใหม่

‘บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี’ หรือ CHAO ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 มีรายได้จากการขาย 340.2 ล้านบาท เติบโต 5.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่กำไรสุทธิ 1.7 ล้านบาท ชี้การลดลงของกำไรสุทธิเป็นผลกระทบระยะสั้นจากต้นทุนวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และการปรับโครงสร้างช่องทางจัดจำหน่าย รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เดินหน้าลุยแผนงานครึ่งปีหลัง เร่งเครื่องขยายตลาดต่างประเทศเต็มสูบ ควบคู่กับการผนึกกำลังเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันกับ “เถ้าแก่น้อย” ผ่านการพัฒนาสินค้าและช่องทางจำหน่ายใหม่ เน้นตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้างขึ้นทุกมิติ

นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 (เมษายน – มิถุนายน) บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว แม้ว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงจากปัจจัยด้านต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาสุกรซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการเปิดตัวสินค้าใหม่และปรับรูปแบบการจัดจำหน่ายในช่องทาง Traditional Trade ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ในด้านรายได้จากการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะรายได้ในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 340.2 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และมีกำไรสุทธิ 1.7 ล้านบาท ลดลง 95.0% (YoY) และ 85.6% (QoQ)

สำหรับปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน เกิดจากรายได้ต่างประเทศชะลอตัวชั่วคราว โดยรายได้จากต่างประเทศลดลง 19.2% (YoY) มีสาเหตุหลักจากประเทศจีน ประกอบกับ ในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแคมเปญส่งเสริมการขายขนาดใหญ่ และรับรู้รายได้ภายในไตรมาสนั้น แตกต่างกับสินค้าใหม่ในปีนี้ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปี 2568 อย่างไรก็ตาม ยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตได้ดี ส่งผลให้รายได้ต่างประเทศฟื้นตัวขึ้น 13.1% (QoQ) นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและการตลาดที่เพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการเปิดตัวสินค้าใหม่และกระตุ้นยอดขาย ทั้งนี้ หากพิจารณาจากรายได้ในประเทศซึ่งเป็นตลาดหลักยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยขยายตัว 5.0% (YoY) และ 3.5% (QoQ) ถือเป็นผลสำเร็จจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจำหน่ายของลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่ม Traditional Trade มาเป็นการขายตรง การขยายจุดจำหน่ายใหม่ และการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่าบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งในการดำเนินงานและมีปัจจัยบวกที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอย่าง ‘ข้าวตัง’ ซึ่งเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ที่ยังคงขยายตัวได้ดีถึง 13.7% (YoY) และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ ‘กลุ่มอาหารแปรรูป’ ที่สูงถึง 30.8% (YoY) ซึ่งเป็นผลจากการตอบรับที่ดีของตลาดต่อผลิตภัณฑ์กุนเชียงและหมูหยอง นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายในกลุ่มร้านค้าดั้งเดิม (Traditional Trade) มาเป็นรูปแบบการขายตรงให้แก่ผู้ค้าส่ง ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถควบคุมการกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของรายได้ในประเทศ ขณะเดียวกัน ยังมีสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะราคาสุกรที่เริ่มปรับตัวลดลงในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนี้ 1) ผนึกกำลังกับพันธมิตร (Synergy with Partner) เพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน บริษัทฯ เตรียมความพร้อมในการวางแผนความร่วมมือกับ บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู้ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ในการใช้ทรัพยากรด้านโลจิสติกส์ และจุดกระจายสินค้าร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายช่องทาง Traditional Trade นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาส 4 ปี 2568 2) การขยายตลาดต่างประเทศ (International Expansion) บริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายตลาดในสหรัฐอเมริกา โดยเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในกลุ่ม Asian Supermarket และวางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกับพันธมิตรในประเทศจีน 3) การบริหารจัดการต้นทุน (Cost Management) บริษัทฯ ดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity Improvement) ภายในโรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการต้นทุนและรักษาความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว และ 4) การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ โดยโครงการก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 ยังคงดำเนินไปตามแผน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

“เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ดำเนินการในไตรมาสนี้ ทั้งการปรับโครงสร้างช่องทางจัดจำหน่ายและการทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ใหม่ จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งและเริ่มส่งผลดีอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่เริ่มมีสัญญาณบวก และการผนึกกำลังกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ CHAO กลับมาเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ในระยะยาว” นางสาวณภัทร กล่าว

- Advertisement -