บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Healthcare Sector: กำไร 2Q68F ดูแข็งแกร่ง…แม้เป็นช่วงฤดูกาลที่ไม่ตื่นเต้น
Event : สรุปประมาณการ 2Q68F และแนวโน้ม 2H68F
lmpact
คาดกำไร 2Q68F ของ BCH*, BDMS* และ CHG* โดดเด่น
โดยภาพรวม เราคาดว่า BCH, BDMS และ CHG จะสามารถทำผลงานได้น่าพอใจใน 2Q68F ด้วยรายได้และกำไรสุทธิเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ แม้เป็นในช่วงเวลาที่มักไม่น่าตื่นเต้นของปี ยกเว้นแต่ตัวเลขกำไรที่เกิดขึ้นจริงของ BH (ซึ่งได้ประกาศไปแล้วเมื่อ 5 ส.ค. 68) โดยก่อนหน้านี้ เราได้เผยแพร่ประมาณการกำไร 2Q68F ของ BDMS, BH และ EKH ไปแล้ว แต่สำหรับ BCH และ CHG เราคาดว่าบริษัทเหล่านี้จะทำกำไร 2Q68F น่าประทับใจ โดยเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ
BCH: เราคาดว่า BCH จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q68F แข็งแกร่งมากที่ 438 ล้านบาท (+58.0% YoY และ +36.8% QoQ) การที่ผลการดำเนินงาน 2Q68F โดดเด่นคาดว่าจะมาจาก i) ไม่มีผลกระทบเชิงลบจากการตัดจำหน่ายรายได้ราว 80 ล้านบาทจากค่ารักษาเฉพาะทาง (RW>2) ของสิทธิประกันสังคม (SSO) ใน 2Q67 ii) คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้จาก RW>2 จำนวน 70 ล้านบาทใน 2Q68 และ iii) ไม่มีผลเชิงลบจากการไม่มีผู้ป่วยชาวคูเวตที่รัฐบาลส่งมารักษา เนื่องจากกลุ่มนี้ได้หายไปตั้งแต่ 2Q67 ขณะที่เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q68F จะคิดเป็น 27.7% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 1.58 พันล้านบาท (+23.2% YoY) ส่วนกำไร 1H68F จะคิดเป็น 48.0% ของการประมาณการเราทั้งปี
CHG: เราคาดว่า CHG จะเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีผลการดำเนินงาน 2Q68F แข็งแกร่ง ด้วยกำไรสุทธิราว 240 ล้านบาท (+24.7% YoY และ +6.4% QoQ) โดยคาดว่าผลการดำเนินงาน 2Q68F ของ CHG จะหนุนจาก i) ไม่มีผลกระทบเชิงลบการตัดจำหน่ายรายได้ 53 ล้านบาทจาก RW>2 ของ SSO ใน 2Q67 ii) การรับรู้รายได้ตามปกติจากกรณี RW>2 ใน 2Q68 และ iii) ผู้ป่วยที่ไม่ใช่ชาวไทย (ตะวันออกกลางและเมียนมา) ฟื้นตัวดีในไตรมาสนี้ ขณะที่เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q68F จะคิดเป็น 22.0% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 1.09 พันล้านบาท (+12.8% YoY) ส่วนกำไร 1H68F จะคิดเป็น 42.7% ของประมาณการทั้งปี
การจ่ายค่ารักษาในส่วน RW>2 จาก SSO จะยังคงเป็นประเด็นบวกใน 4Q68F
เรายังคงมุมมองเดิมว่า SSO จะสามารถจ่ายเงินค่าค่ารักษาเฉพาะทาง (RW>2) ให้กับโรงพยาบาลได้ในอัตราที่ตกลงไว้ที่ 12,000 บาทต่อ RW (หลังจากได้ลดลงเหลือเพียง 8,000 บาทใน 2H67) ซึ่งเป็นนัยว่าผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่มีรายได้จาก SSO ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q67 ดังนั้น เราจึงคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2568F จะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อมองต่อไปใน 2H68F เราคิดว่า BCH และ CHG จะได้ประโยชน์จากประเด็นนี้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการตัดจำหน่ายรายได้ไปจำนวนมากใน 2H67 ดังนั้น ประเด็นนี้จะช่วยดันให้กำไร 2H68F ฟื้นตัวต่อเนื่อง YoY
กำไร 3Q68F น่าจะดูตื่นเต้น QoQ เพราะเป็นช่วงแข็งแกร่งที่สุดของปี
เราคาดว่าโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะมีผลการดำเนินงาน 3Q68F ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นช่วงฤดูที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงพยาบาล โดยปกติโรงพยาบาลมักจะมีรายได้แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ของปีจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ทั้งผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงและผู้ป่วยโรคร้ายแรง (intensity patient)
Valuation & Action
ปัจจุบันหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลของไทยซื้อขายกันในระดับ PE ค่อนข้างต่ำแล้ว เรายังคงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นเหล่านี้ หากมองไปข้างหน้า เราคาดว่ากำไรของกลุ่มโรงพยาบาลจะเติบโตดีราว 4.8% YoY ในปี 2568F และ 11.2% YoY ในปี 2569F ทั้งนี้ เรายังคงให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มนี้ “มากกว่าตลาดฯ” โดยเลือกทั้ง BCH และ BDMS เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มนี้ ด้วยราคาเป้าหมาย DCF ปี 2568 ที่ 18.50 บาท และ 32.00 บาท ตามลำดับ
Risks
COVID-19 ระบาด และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาด