JSP ผลงานท็อปฟอร์มครึ่งปีแรกยอดขายจากแบรนด์สุภาพโอสถหนุนกำไรโต 205.7% ครึ่งหลังเร่งเครื่องงาน OEM ดันรายได้แตะ 900 – 1,000 ลบ.ตามเป้า
- JSP โชว์ผลงานครึ่งปีแรกโดดเด่นรายได้แตะ 491 ล้านบาท โต 3 % ทำกำไร 31 ล้านบาท เติบโต 205.7 % พร้อมชงปันผลระหว่างกาล 0.0526 บาทต่อหุ้น
- กางโรดแมพ 3-5 ปี ในการก้าวสู่ผู้นำธุรกิจสุขภาพครบวงจร ล่าสุดดำเนินการภายใต้บริษัทหลักทั้ง JSP ดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตยามาตรฐานระดับโลก และ GWM ดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตน้ำยาล้างไตและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโรคไตครบวงจร
- มั่นใจปีนี้รายได้ตามเป้า 900 – 1,000 ล้านบาท เปิดกลยุทธ์ ลุยงาน OEM ดันรายได้โตควบคู่รายได้จากสินค้าแบรนด์ “สุภาพโอสถ”
นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกรรมการ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JSP) เปิดเผยว่า ในงวดครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทฯมีผลการดำเนินธุรกิจออกมาอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้รวมสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 355 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทมีกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก ที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานเฉพาะไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีรายได้ 263ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้บริษัทจึงประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด 0.0526 บาทต่อหุ้น โดยจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ก.ย. 68
ในปี 2568 ถือเป็นปีที่ JSP เดินตามโรดแมพที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มมีสัญญาณของการดำเนินงานที่ดีมาตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา โดย JSP จะยังคงเดินตามโรดแมพระยะ 3- 5 ปีที่วางไว้คือการก้าวสู่ผู้นำธุรกิจด้านสุขภาพครบวงจร ทั้งจากการเติบโตภายและและการซื้อกิจการที่มีศักยภาพและต่อยอดให้กับธุรกิจหลัก ซึ่งปัจจุบัน JSP ครอบคลุมธุรกิจด้านสุขภาพผ่านบริษัทต่างๆดังนี้
1.บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JSP)โรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพรที่ได้มาตรฐาน GMP-Pic/S และดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Own Brand ภายใต้แบรนด์ “สุภาพโอสถ” และดำเนินธุรกิจการรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคนและสัตว์ ยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร และเครื่องสำอาง
2.บริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (มหาชน) (GWM) ดำเนินธุรกิจธุรกิจโรงงานผลิตน้ำยาล้างไต (A-B Solution) ดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาสำหรับผู้ป่วยฟอกไต รวมถึงนำเข้า – ส่งออกเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องฟอกไตเทียม, เข็มต่อสายฟอกเลือด และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเลือด อีกทั้งยังมีบริษัทวารี เมดิคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกภายใต้ GWM ที่ให้บริการด้านการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบน้ำบริสุทธิ์ (RO) และจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและติดตั้งระบบน้ำบริสุทธิ์ให้กับศูนย์ฟอกไตของ GWM และลูกค้ารายอื่นๆ นอกจากนี้ยังจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเวชสำอางสำหรับผู้ป่วยฟอกไต
3.บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CDIP) ประกอบธุรกิจด้านการรับจ้างวิจัยเชิงวิชาการในห้องปฏิบัติการ รับจ้าง ทดสอบและวิเคราะห์ผลทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงจัดงานฝึกอบรมและสัมมนา และส่วนงานให้คำปรึกษาการยื่นขอทุนวิจัยด้านการวิจัยและพัฒนา โดยธุรกิจของ CDIP ถือเป็นธุรกิจต้นน้ำสำหรับการนำไปต่อยอดด้านการผลิตยา อาหารเสริม รวมถึงเครื่องสำอาง สำหรับคนและสัตว์ ซึ่งมีจุดเด่นคือ ธุรกิจนี้ยังมีผู้เล่นน้อยรายในประเทศไทย จึงถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคตของ JSP
4.บริษัท แคร์ซูติก จำกัด บริษัทที่ให้บริการด้านอินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคน และสำหรับสัตว์ ที่ครอบคลุมทั้งสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เช่น สุนัข และแมว และสัตว์ในการเลี้ยงสำหรับการทำปศุสัตว์ เช่น หมู ไก่ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการกลุ่มขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs ) แม่ค้าออนไลน์ เน็ตไอดอล รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจและต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ด้วยตัวเอง ด้วยเงินลงทุนที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเริ่มต้นเพียง 1 แสนบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าของแคร์ซูติกจะแตกต่างจากลูกค้าของ JSP คือเป็นกลุ่มรายย่อย ที่มีเงินทุนจำกัด
5.บริษัท เมดิส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Medis) ให้บริการตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ภายใต้ชื่อ “ตู้ยา อุ่นใจ ใกล้คุณ 24 ชั่วโมง” เพื่อจำหน่ายยาสามัญประจำบ้านและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยมีเป้าหมายที่จะขยายตู้ยาไปยังชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางการกระจายสินค้าให้กับ JSP ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกช่องทางหนึ่ง
“เราดำเนินธุรกิจตามโรดแมพระยะยาวที่วางไว้ ในช่วง 3 ปีก่อนหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เราได้นำเงินมาลงทุนในการขยายกิจการทั้งเครื่องจักร และลงทุนในการซื้อกิจการ ซึ่งปัจจุบันเราก้าวเข้าสู่ช่วงของการเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการลงทุนที่สะท้อนทั้งยอดขายสินค้าที่ดีขึ้น และรายได้ของบริษัทลูกที่เติบโตขึ้น ทั้งนี้ในปี 2568 เมื่อต้นปีเราได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 900 – 1,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังคงเป้าหมายเดิมไว้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะไม่สดใส แต่โครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและคนวัยทำงานที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้นก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ธุรกิจของ JSP เติบโตได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังจะเน้นการเดินหน้าเพิ่มรายได้จากธุรกิจ OEM ให้ขึ้นมาเทียบเท่ารายได้จากการจำหน่ายสินค้า” นายสิทธิชัยกล่าว