BLC โชว์ผลงานไตรมาส 2 ปี 2568 กวาดรายได้ 412.8 ล้านบาท เติบโต 11.4% เล็งวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่กลุ่ม NCDs 1 รายการ ดันรายได้ครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ฟากบอร์ดเคาะจ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD 26 สิงหาคม นี้

บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLCประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี2568 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง มีรายได้จากการขายและให้บริการ 412.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 41 ล้านบาท เติบโต 11.4% และ 11.1% ตามลำดับ (YoY) จากความสำเร็จของกลยุทธ์การสร้าง Brand Awareness กลุ่มยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และเครื่องสำอาง หนุนยอดขายเติบโตโดดเด่น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2568  มีรายได้จากการขายและให้บริการ 853.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 96.9 ล้านบาท เติบโต 16% และ 24.2% ตามลำดับ (YoY) ครึ่งปีหลังเล็งวางจำหน่ายยาสามัญใหม่กลุ่ม NCDs ดันรายได้โตต่อเนื่อง ฟากบอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 สิงหาคม 2568

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 (เมษายน – มิถุนายน) ปี 2568 บริษัทฯ สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น มีรายได้จากการขายและให้บริการ 412.8 ล้านบาท เติบโต 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) กำไรสุทธิ 41 ล้านบาท เติบโต 11.1% (YoY) โดยปัจจัยส่งเสริมการเติบโตมาจากการเติบโตของรายได้ของผลิตภัณฑ์กลุ่มยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และเครื่องสำอาง ซึ่งประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์การสร้าง Brand Awareness ด้วยการสื่อสารแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 853.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 96.9 ล้านบาท เติบโต 16% และ 24.2% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 60 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 27 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2568

 สำหรับทิศทางในช่วงครึ่งปีหลัง BLC ยังคงเป้าหมายผลประกอบการเติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท โดยกลยุทธ์หลักที่จะขับเคลื่อนมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า (Brand Awareness) ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายและการตัดสินใจซื้อของลูกค้า โดยบริษัทมีแผนวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่ 1 รายการ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่มีความต้องการของตลาดสูง และผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องสำอาง เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกมิติ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมยาในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ยาในประเทศจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดยาในประเทศไทยปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตราว 6-7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากการที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการยารักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น และความต้องการยาที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันดูแลสุขภาพในระยะยาว ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนได้กลับมาเดินหน้าลงทุนในธุรกิจ Health & Wellness มากขึ้น ทั้งในรูปแบบของโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเฉพาะทาง นอกจากนี้ ความต้องการยาในกลุ่มโรคที่ไม่ใช่โควิด-19 ได้กลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มโรคเรื้อรัง วัคซีนตามฤดูกาล และยารักษามะเร็ง รวมถึงความต้องการยานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ยารักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) และยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการที่รัฐบาลในหลายประเทศกลับมากระตุ้นงบประมาณด้านสาธารณสุข ยังเป็นโอกาสให้ตลาดยาสามัญ (Generic) และยา Biosimilar เติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2568 เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการสร้าง Brand Awareness ให้กับผลิตภัณฑ์ Top Product โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอางที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 57.5% ในไตรมาส 2 โดยมีผลิตภัณฑ์ Clena EX เป็นดาวเด่น ส่วนครึ่งปีหลังเรายังคงมุ่งมั่นในเป้าหมายการเติบโตต่อเนื่อง ผ่านการเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เติบโต เราเชื่อมั่นว่าด้วยแผนงานที่ชัดเจนและการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จะสามารถสร้างการเติบโตที่ตามเป้าหมาย และผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน” ภก.สุวิทย์ กล่าว

- Advertisement -