JMART เผยครึ่งปีแรก กำไร 251 ล้านบาท ชูเจมาร์ท โมบาย ยอดพุ่ง สุกี้ตี๋น้อยส่งกำไรแรง เสริมทัพด้วยไฮไลท์ธุรกิจสินเชื่อมือถือโตเกินคาด
กลุ่มเจมาร์ท (JMART) ครึ่งปีแรก 2568 โชว์ผลงานโดดเด่นจากธุรกิจมือถือที่เติบโตแข็งแกร่งผ่านเจมาร์ท โมบาย เสริมด้วย “สุกี้ตี๋น้อย” หนุนส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น และธุรกิจ สินเชื่อมือถือ ของ KB J Capital – SGC ที่ทำสถิติกำไรสูงสุด พร้อมต่อยอดโอกาสใหม่จากการรุกสินเชื่อ iPhone ด้าน JMT รักษาความเป็นผู้นำบริหารหนี้ด้อยคุณภาพด้วยพอร์ตทะลุ 5.68 แสนล้านบาท และ JAS Asset ขยายคอมมูนิตี้มอลล์–เสริมผู้เช่าหลักเพิ่มทราฟฟิก แม้บางธุรกิจในกลุ่มเผชิญแรงกดดัน แต่กลุ่มบริษัทยังมั่นใจครึ่งปีหลังจะเดินหน้าต่อยอด Synergy Ecosystem และสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ยืนยันรักษาเครดิตสำคัญที่สุด คืนหนี้หุ้นกู้ตามนัด
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART บริษัท Holding Company ที่มุ่งเน้นธุรกิจ Commerce Tech และ FinTech เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานรวมไตรมาส 2/2568 มีรายได้รวม 3,820 ล้านบาท เติบโต 14.3% ส่วนงวด 6 เดือนแรกมีรายได้รวม 7,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แรงหนุนหลักจากยอดขายมือถือที่เติบโตต่อเนื่องภายใต้เจมาร์ท โมบาย (Jaymart Mobile) โดย JMART มีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 111 ล้านบาท และ 251.3 ล้านบาทในงวด 6 เดือน แม้ปรับลดจากปีก่อนจากแรงกดดันในธุรกิจบริหารหนี้และบันทึกขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินตามราคาตลาด (Unrealized Loss) ซึ่งหากไม่รวมการบันทึกดังกล่าว กำไรบริษัทยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนศักยภาพธุรกิจหลักและการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ต่อเนื่อง
และหนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ “สุกี้ตี๋น้อย” บริษัทที่ JMART ได้เข้าลงทุน 30% ยังคงเป็นธุรกิจเรือธงที่ทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจ Lock Phone เติบโตโดดเด่น โดย บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด (KBJ) ภายใต้โครงการ Samsung Finance+ ทำกำไรสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง ส่วนบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) ภายใต้ SG Finance+ มีกำไรแตะ 104 ล้านบาท โดยแบรนด์ Samsung และ China Brand ครองมาร์เก็ตแชร์รวมราว 75% ของตลาดสมาร์ทโฟนในไทย และล่าสุด SGC อยู่ระหว่างทำ Sandbox เตรียมขยายสินเชื่อ Lock Phone ไปสู่กลุ่ม iPhone ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวเร่งการเติบโตของธุรกิจมือถือให้ก้าวกระโดดมากขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ Synergy Ecosystem ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาว
นอกจากนี้ JMART ยังคงรักษาความมั่นใจของนักลงทุน ด้วยการเตรียมเงินพร้อมชำระคืนหุ้นกู้ 2,387 ล้านบาทในเดือนตุลาคม และมีแหล่งเงินทุนกว่า 2,235 ล้านบาท จากเงินสดในมือ เงินลงทุน และเงินปันผลจากบริษัทย่อย รวมถึงการต่ออายุหุ้นกู้และกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน สะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
สำหรับ บริษัทที่เข้าไปลงทุน นำโดยสุกี้ตี๋น้อยมีการเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง งวด 6เดือนแรก ปี 2568 Suki Teenoi มีกำไรสุทธิ 582 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 30% คิดเป็น 169 ล้านบาท (หลังหักการปันส่วนราคาซื้อหรือ Purchase Price Allocation) ภาพรวมสาขา Suki Teenoi มีสาขารวมทั้งสิ้น 86 สาขา แบ่งเป็น Teenoi BBQ (บุฟเฟต์ปิ้งย่าง) 4 สาขา และ Teenoi Express (บุฟเฟต์พรีเมียม) 1 สาขา ในไตรมาส 2/2568 บริษัทได้เปิดสาขาเพิ่ม 4 สาขา โดยเป็นการขยายไปยังต่างจังหวัด ได้แก่ สกลนคร อยุธยา ราชบุรี และกาญจนบุรี ซึ่งล้วนเป็นทำเลศักยภาพสูง มีลูกค้าเข้าใช้บริการหนาแน่น และได้รับการตอบรับจากชุมชนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ สุกี้ตี๋น้อยยังได้ร่วมมือกับ JAS Asset เปิด Teenoi BBQ เพิ่ม 2 สาขาในครึ่งปีแรก ได้แก่ JAS Green Village คู้บอน และ JAS URBAN ศรีนครินทร์ และวางแผนขยายสาขาต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ สุกี้ตี๋น้อยยังเตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่คาดเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้
ด้าน บริษัท เจจีเอส ซินเนอรจี พาวเวอร์ จำกัด (JGS) คาดรายได้ปีนี้ทำได้ 70 ล้านบาท ขานรับนโยบายรัฐบาลประกาศนโยบายสิทธิประโยชน์ทางภาษีจูงใจผู้ประกอบการและภาคครัวเรือนลงทุนลดภาระค่าไฟ และส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในบ้านอยู่อาศัย โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 200,000 บาท เป็นธุรกิจที่คาดว่าจะมีโอกาสสร้างการเติบโตในอนาคต
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีรายได้รวม 1,208.7 ล้านบาท และครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,793.6 ล้านบาท ลดลง 11.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพที่ทรงตัวและรายได้ประกันภัยลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทยังสามารถรักษากระแสเงินสดจากการจัดเก็บหนี้รวมบริษัทร่วม JK AMC ได้อย่างแข็งแกร่ง ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน สะท้อนศักยภาพการบริหารพอร์ตหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในไตรมาสนี้ บริษัทตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) 259 ล้านบาทแบบอนุรักษ์นิยม มองความเสี่ยงไปข้างหน้า จากพอร์ตที่จัดเก็บต่ำกว่าประมาณการ โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้กลับเมื่อการจัดเก็บกลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 246.5 ล้านบาท และครึ่งปีแรก 576.5 ล้านบาท ลดลง 32.8% และ 26.6% ตามลำดับ ขณะที่ JK AMC ทำกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 288 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางและภาระหนี้ครัวเรือนสูง JMT ยังคงเดินหน้าลงทุนซื้อหนี้ตามแผน โดยครึ่งปีแรกได้ปิดดีลซื้อหนี้ก้อนใหญ่ในไตรมาส 2 มูลหนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท มุ่งเน้นหนี้ไม่มีหลักประกัน และมีแผนซื้อหนี้เพิ่มอีก 20,000 – 25,000 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของประเทศ จากครึ่งปีแรกมีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพรวมอยู่ที่ 568,428 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง บริษัทมั่นใจว่ากลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกควบคู่กับการบริหารจัดเก็บหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันยังมีเงินในกระบวนการบังคับคดีที่เตรียมทยอยรับรู้กลับมา ทั้งจากบริษัทย่อย JAM และ JK AMC ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องและสร้างผลตอบแทนในอนาคต
ด้าน นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 183.1ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.3% หนุนให้รายได้รวมงวด 6 เดือนแรกอยู่ที่ 350.7 ล้านบาท เติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ JAS Green Village ประเวศ และ JAS Green Village รามคำแหง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 5.9% แตะ 80.4 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการยังบันทึกขาดทุนสุทธิไตรมาส 2 จำนวน 101.4 ล้านบาท และงวด 6 เดือนขาดทุนสุทธิ 132.1 ล้านบาท พลิกจากกำไรในปีก่อน สาเหตุหลักมาจากต้นทุนดำเนินงานและค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน แต่บริษัทยังเดินหน้าปรับกลยุทธ์ควบคุมต้นทุน และต่อยอดศักยภาพโครงการปัจจุบันเพื่อสร้างการเติบโตในระยะต่อไป
โดยบริษัทมุ่งเน้นควบคุมต้นทุนในโครงการที่ไม่เป็นไปตามเป้า เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายใน และเสริมผู้เช่าหลักแบรนด์ที่ได้รับความนิยม เพื่อสร้างทราฟฟิก อาทิ EVEANDBOY ที่ The JAS รามอินทรา และ “ตี๋น้อย BBQ” ที่ The JAS Urban ศรีนครินทร์ ส่งผลให้โครงการ JAS Green Village คู้บอนมีอัตราเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งเดินหน้าขยาย IT Junction ในทำเลศักยภาพ และต่อยอดธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงวัยที่เติบโตต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานรายได้มั่นคง รองรับการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ภายใต้กลยุทธ์มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของสินทรัพย์ที่มีอยู่ และยังคงมั่นใจว่าระยะยาวบริษัทจะสามารถกลับมาสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นอีกครั้ง