บล.พาย:
NER: North East Rubber PCL.
คาดปีนี้ขายไม่ถึง 500,000 ตัน
ภาพรวมยอดขายในปี 25 นี้มีโอกาสสูงที่จะไม่ถึง 500,000 ตัน ตามที่ผู้บริหารเคยตั้งเป้าไว้ตอนต้นปี โดยตัวเลขที่มีความเป็นไปได้คือ 470,000 ตัน (1H25 ทำได้ประมาณ 238,973 ตัน) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของปริมาณขายในช่วง 3Q25 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะกดดันคือราคาขายที่มีแนวโน้มลดลง ตามทิศทางตลาดโลก สำหรับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ทางบริษัทมีการทำประกันวงเงินครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด ส่วนผลกระทบจากอัตราภาษีของสหรัฐฯ เบื้องต้นคาดว่าไทยยังมีภาษีดีกว่าในเรื่องวัตถุดิบ แต่ต้องติดตามถึงเงื่อนไขเรื่อง Transshipment ว่าจะโดนหรือไม่อีกที ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม ด้วยประเด็นผลตอบแทนเงินปันผลที่คาดว่าทั้งปีจะสูงถึง 8-9%
2Q25 กำไรสุทธิ 554 ล้านบาท (+16%YoY, -9%QoQ)
- NER มีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท (+16%YoY, -9%QoQ) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นกำไรกว่า 65 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ 489 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อนแต่ลดลง 18%QoQ สาเหตุที่ลดลงเนื่องจากปริมาณขายที่ชะลอตัวหลังลูกค้าบางส่วนรอดูอัตราภาษีจากสหรัฐฯ
- รายได้อยู่ที่ 7,585 ล้านบาท (+31%YoY, -13%QoQ) มีปริมาณขาย 111,883 ตัน (+24%YoY, -12%QoQ) ปริมาณขายที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าที่ชะลอคำสั่งซื้อ เพื่อรอความชัดเจนของภาษีสหรัฐฯ ส่วนราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 67.8 บาท/กก. ใกล้เคียงกับ 1Q25 แต่เพิ่มขึ้น 20%YoY
- กำไรขั้นต้นที่ 10.5% ใกล้เคียงกับ 1Q25 แต่ลดลงจาก 12.4% ใน 2Q24 จากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นมากกว่าราคาขาย
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 153 ล้านบาก (+41%YoY, -12%QoQ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพราะมีปริมาณส่งออกเพิ่มเช่นเดียวกับการลดลงจาก 1Q25 เพราะปริมาณส่งออกลดลง
- ดอกเบี้ยจ่าย 137 ล้านบาท (+24%YoY, -1%QoQ) เพราะมีออกหุ้นกู้เพิ่ม
ไฟไหม้กระทบไม่มาก แต่คาดเป้าทั้งปีจะไม่ถึง 500,000 ตัน
ผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ในช่วงกลางเดือน ก.ค. เป็นต้นมา เบื้องต้นทางผู้บริหารคาดว่ามูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่าง 200-400 ล้านบาท โดยจะมีการบันทึกเข้ามาในช่วง 3Q25 นี้ อย่างไรก็ตาม NER มีการทำประกันภัยไว้และคาดว่าจะสามารถสรุปวงเงินได้ในช่วง 4Q25 สำหรับผลกระทบในการขายนั้นไม่มีแต่อย่างใด เพราะส่วนที่เสียหายเป็นสินค้าที่รอส่งมอบ ซึ่ง NER มีการเดินเครื่องจักรผลิตทดแทนหมดแล้ว ทั้งนี้ด้วยปริมาณการขายที่ในช่วง 1H25 มีเพียง 238,973 ตัน ที่ส่วนหนึ่งมีการชะลอไปเพื่อรอความชัดเจนของอัตราภาษี ขณะที่แนวโน้มในช่วง 3Q25 คาดปริมาณขายจะอยู่ในกรอบ 120,000 ตัน ทำให้มีโอกาสที่ทั้งปีจะไม่ถึงระดับ 500,000 ตัน ตามที่บริษัทคาดไว้ โดยคาดว่าจะทำได้เพียง 470,000 ตัน ทั้งนี้สิ่งที่ NER ยังรอความชัดเจนจากภาครัฐคืออัตราภาษีของยางล้อว่าจะเสียที่ระดับ 19% หรือไม่ เพราะยังมีประเด็นเรื่องสินค้าในกลุ่ม Transshipment ที่มีอัตราภาษี 40% อยู่ส่วนการสร้างโรงงานยางแท่งแห่งที่ 3 รอความชัดเจนในเดือน พ.ย.อีกครั้ง โดยคาดว่าอย่างเร็วจะเปิดดำเนินการได้ในช่วง 3Q26 เป็นต้นไป
คงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับกำไรลงเล็กน้อย
กำไรสุทธิในช่วง 1H25 คิดเป็นสัดส่วน 58% ของกำไรสุทธิ แม้สัดส่วนจะสูงแต่ด้วยแนวโน้มราคาในช่วง 3Q25 ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลง ทำให้อาจจะกระทบกับกำไรสุทธิได้อย่างมาก ดังนั้นเราจึงคงประมาณการเดิมที่ 1,863 ล้านบาทไว้ก่อน ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.25 บาท (6.2XPER’25E) รวมถึงคาดผลตอบแทนเงินปันผลทั้งปีที่ระดับ 8-9% (1H25 จ่าย 0.05 บาท/หุ้น XD 22 ส.ค. จ่าย 5 ก.ย.)