บล.กสิกรไทย:
GPSC แนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งในครึ่งหลังปี 2568 บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้าง EBITDA เพิ่มขึ้น 500 ลบ. ในปี 2568 พร้อม upside ขณะนี้กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าจากกลุ่ม PTT
มุมมองหลังการประชุมนักวิเคราะห์
- GPSC รายงานกำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 2.0 พันลบ. เพิ่มขึ้น 41% YoY และ 77% QoQ ผลประกอบการสอดคล้องกับประมาณการของเรา
- มุมมองหลักจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ GPSC เมื่อวันที่ 8 ส.ค. เป็นบวกเล็กน้อย คาดกำไรไตรมาส 3/68 จะยังคงอยู่ในระดับสูง หนุนจากทั้งการดำเนินงานหลักและกำไรจากการขายสินทรัพย์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
- การดำเนินงานหลักในครึ่งหลังปี 2568 อยู่ในระดับปานกลาง ในแง่การดำเนินงานหลัก บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2568 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2568 อัตราค่าไฟฟ้าคาดว่าจะลดลงเพียงประมาณ 2% QoQ ในไตรมาส 3/2568 ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะลดลง 3–4% QoQ ซึ่งน่าจะส่งผลบวกเล็กน้อยต่อ spark spread และอัตรากำไร นอกจากนี้ กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ได้แก่ XPCL (1.3GW, ถือหุ้น 25%), Huay Ho (152MW, ถือหุ้น 67%) และ NL1PC (65MW, ถือหุ้น 40%) คาดว่าจะถึงจุดสูงสุดในไตรมาส 3/2568 เราคาดว่ากำไรจะอยู่ที่ราว 1.1–1.2 พันลบ.
- เดินหน้ามาตรการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่ม EBITDA กลยุทธ์การลดต้นทุนของ GPSC ตั้งเป้าเพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 500 ลบ. ในปี 2568 โดยในครึ่งแรกปี 2568 บริษัทฯ ทำได้แล้ว 214 ลบ. และผู้บริหารคาดว่าผลประกอบการในครึ่งหลังปี 2568 จะดีกว่าเดิม มีโอกาสสูงที่จะเกินเป้าทั้งปีมากกว่า 10% อย่างไรก็ตาม ผลบวกนี้อาจถูกหักล้างบางส่วนจากการสิ้นสุดสัญญาโรงไฟฟ้าศรีราชา IPP ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ 300 ลบ. ตลอดทั้งปี
- แนวโน้มการลงทุน ในอนาคต บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุน (capex) สำหรับปี 2568–72 ไว้ที่ 3.5 หมื่นลบ. โดยส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในโครงการ ERU (กำลังผลิต 250 MW ถือหุ้น 100%) ในช่วงปีหลัง ๆ ในระยะกลาง บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการขยายกำลังการผลิตโซลาร์ฟาร์มของ AEPL ในอินเดียจากระดับปัจจุบันที่ 5.3GW เป็น 20GW ภายในปี 2573 นอกจากนี้ GPSC ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโอกาสเข้าซื้อสินทรัพย์จากกลุ่ม PTT ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติกำลังการผลิตราว 300–350MW จากการมีการผนึกกำลังที่แข็งแกร่งกับกลุ่ม PTT ทำให้ GPSC มีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้ประมูลสินทรัพย์เหล่านี้
- แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 41.50 บาท อ้างอิงจากวิธีการประเมินมูลค่า DCF โดยใช้ WACC ที่ 8%