KS Daily View 18.08.2025 >>> SET ขึ้นต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ติด คาดแกว่ง Sideway /มองตลาดสนใจการเมืองในประเทศมากขึ้น มองกรอบ SET วันนี้ 1,245–1,275 จุด แนะนำ CK และ SPALI
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดดัชนีตลาด SET Index ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,240 – 1,275 โดยแนวโน้มหลักของดัชนีเป็นการปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองว่าระยะสั้นอาจต้องระวังความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสัปดาห์ล่าสุดดัชนี SET Index เริ่มชะลอตัว หลังปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. เป็นเวลาถึง 7 สัปดาห์ติด แม้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จาก 1.75% เป็น 1.50% และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ได้เร่งตัวขึ้นแรงแม้มีผลจากมาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ (reciprocal tariff) หนุนให้เกิดความคาดหวังเห็น Fed ลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมครั้งหน้าในช่วงเดือน ก.ย. อีกทั้งด้านภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ สำหรับไตรมาสที่ 2/68 ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่กังวล ในขณะเดียวกันเรื่องการเมืองในประเทศ คาดว่าตลาดจะกลับมาให้ความสนใจโดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังศาลได้กำหนดวันอ่านคำวินิจฉัยสำหรับคดีคำร้องถอดถอนนายกจากกรณีทำผิดจริยธรรมในวันที่ 29 ส.ค. นี้ และต่อด้วยวันที่ 9 ก.ย. สำหรับคดีชั้น 14 ของคุณทักษิณ ซึ่งจะทำให้ความไม่แน่นอนการเมืองอาจกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุนอีกครั้ง
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1259.42 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.03% จากสัปดาห์ที่ผ่านหนุนโดยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มอสังหา, และกลุ่มขนส่ง ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway อยู่ในกรอบ 1,245–1,275 จุด หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 7 สัปดาห์ติด ขณะเดียวกันคาดตลาดจะกลับมาให้ความสนใจเรื่องการเมืองในประเทศมากขึ้น แนะนำ CK และ SPALI
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- สหรัฐฯ เปิดเผยว่าปูตินยอมให้มอบ “การคุ้มครองแบบมาตรา 5 ของ NATO” แก่ยูเครนเป็นครั้งแรก โดยครอบคลุมทั้งบก อากาศ และทะเล อย่างไรก็ตามการเจรจาทรัมป์–ปูตินยังไม่บรรลุหยุดยิง เนื่องจากรัสเซียยังต้องการให้ยูเครนสละดอนบาสและยอมรับการผนวกดินแดน ขณะที่เซเลนสกีปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว อีกทั้งทรัมป์เตรียมพบเซเลนสกีและผู้นำยุโรปอีกครั้งในวันจันทร์นี้หากมีการหยุดยิงและจบสงครามมองว่าอาจหนุนให้มีความต้องการการซ่อมแซมบ้านเรือนและอาคารมากขึ้นเป็นบวกกับ PSL
- ทรัมป์และสี จิ้นผิง อยู่ระหว่างการหารือเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน โดยอาจมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อลดภาษีนำเข้า แม้ก่อนหน้านี้ทรัมป์เพิ่งเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดีย 25% เหตุเพราะอินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่จีนก็มีพฤติกรรมคล้ายกันแต่ยังไม่ถูกมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ ทรัมป์ย้ำว่ายังไม่เร่งรีบใช้มาตรการลงโทษจีนทันที แม้ไม่ปิดโอกาสในอนาคต มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบกับ PTTGC IVL SCC IRPC จาก Petrochemical spread ยังคงถูกกดันด้วย feed cost ที่ถูกในจีน
- แมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ระบุว่าสนับสนุนการเริ่มลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนหน้า โดยมองว่าตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแอและเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว จึงควรปรับลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปีนี้ แต่เฟดจะพิจารณาตามตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสี่ยงกับเงินเฟ้อที่กลับมาสูง ทั้งนี้เธอย้ำว่าเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจมากกว่าการรอความชัดเจนเรื่องเงินเฟ้อ
- ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2026 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเห็นชอบ 257 เสียง ต่อ 229 เสียง หลังการอภิปรายต่อเนื่อง 3 วัน มองเป็นบวกกับCK, STECON, PYLON, SEAFCO, DOHOME, และ HMPRO
- รายงานงานผลประกอบการรวมของบริษัทจดทะเบียนในKS coverage 187 (คิดเป็น 86% ของ SET market Cap.) ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ออกมาที่ 3.02 แสนลบ. เติบโตขึ้น 35% YoY และ 26% โดยผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าที่ KS และ ตลาดคาดการณ์ไป 13% และ 10% ตามลำดับ หนุนโดยการรับรู้กำไรพิเศษของ GULF, THAI, TOP, และ SCC ขณะที่แนวโน้มกำไรรวม 3Q25 คาดว่ามีแนวโน้มปรับตังขึ้น YoY แต่อ่อนแอตัวลง QoQ
Daily pick
CK : ราคาพื้นฐาน 21.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อเนื่องกับ CK ภายหลังรัฐสภามีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ overhang เรื่องของความเสี่ยงทางการเมืองต่องบประมาณหยุดชะงักหมดไปเราคาดว่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มก่อสร้าง และนอกจากนี้งบ CK ที่ออกมาดีกว่าที่เราคาดราว 23.7% มาจากรายได้และอัตรากำไรที่สูงกว่าคาดนอกจากนี้ยังได้ผลเชิงบวกจาก CKP ที่อยู่ในฤดูน้ำเช่นกัน เราคาดรายได้ใน 2H25 จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากการรับรู้โครงการใหม่และคาดว่าจะสามารถได้โครงการใหม่เช่น รถไฟความเร็วสูงไทยจีนเฟส 2 และ โครงการทางด่วนdouble-deck เช่นกัน
SPALI : ราคาพื้นฐาน 16.30 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SPALI จากการรายงานผลประกอบการ 2Q25 ที่ออกมาฟื้นตัว QoQ ได้อย่างดีจากฐานที่ต่ำใน 1Q25 ที่มีผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยได้รับแรงหนุนจากธุรกิจที่ออสเตรเลียที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ เช่นกัน แม้กำไรจะฟื้นตัวได้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดแต่เรามองไปข้างหน้ากับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าใน 2H25 SPALI จะสามรถฟื้นตัวได้จากการออก project ใหม่และการรับรู้การโอนคอนโดชิ้นใหญ่ใน 2H25 นี้ในระยะสั้นยอดขายจากโครงการSupalai Elite สุขุมวิท 39 มียอดขายที่ค่อนข้างดีมาก นอกจากนี้เราประเมิน SPALI เป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งทั้งในแง่ของแบรนด์และงบการเงิน พร้อมด้วยระดับปันผลที่ 7% จะเป็น downside protection ต่อราคาหุ้นได้
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตามรายงาน GDP ในไตรมาสที่สองปี 2025 ของไทยตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ +3.1% YoY
วันอังคาร ติดตามรายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits) ของสหรัฐ เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.387 ล้านหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.393 ล้านหลัง ต่อด้วยการรายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.300 ล้านหลัง ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.321 ล้านหลัง
วันพุธ ติดตาม Loan prime rate ของธนาคารกลางจีนระยะเวลา 1 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.0% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า และ Loan prime rate อายุ 5 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.5% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหภาพยุโรปครั้งสุดท้าย (EU CPI) เดือน ก.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ +2.0% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minute)
วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโซนยุโรป (HCOB Manufacturing PMI Flash) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 49.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.8 จุด ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.25 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.24 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation)เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.1% YoY ลดลงเดือนก่อนหน้าที่ +3.3% YoY ด้วยถ้อยคำแถลงการณ์ของประธานเฟดอย่าง Jerome Powell ในงาน Jackson Hole ที่ไวโอมิง ในแนวโน้มเศรษฐกิจและกรอบนโยบายการเงิน