บล.กสิกรไทย:

CKP เก็งกำไรตามฤดูฝน กับการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2568

  • CKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 610 ลบ. เพิ่มขึ้น 725% YoY และ 766% QoQ ผลประกอบการเป็นไปตามประมาณการของเรา แต่สูงกว่าของตลาด 13%
  • เราแนะนำการเก็งกำไรในหุ้น CKP ใน 3Q68 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลสูงสุดของธุรกิจไฟฟ้าพลังน้ำ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และไซยะบุรี (XPCL) เราคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 2-3Q68 จากปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมักเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับปี 2568 โดยรวม เราคาดว่ากำไรจะเติบโต 52% โดยได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย เช่น ฝนที่ตกเร็วและหนักกว่าปกติ ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากขึ้น และนำไปสู่ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้สูงขึ้น ใน 2Q68
  • เราชอบ CKP จากมุมมองด้านมูลค่า ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PBV ปี 2568F ที่ 0.7 เท่า ซึ่งใกล้กับระดับ -2SD จากค่าเฉลี่ยในอดีต เรามองว่าระดับราคาปัจจุบันเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรใน 3Q68
  • ในเชิงสถิติ CKP มักให้ผลตอบแทนดีกว่าค่าเฉลี่ยรายปีในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะระหว่างเดือนก.ค.–พ.ย. จากข้อมูลย้อนหลังปี 2556–2567 พบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของ CKP ในช่วงก.ค.–พ.ย. สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 5% กลยุทธ์ซื้อในเดือนพ.ค.–มิ.ย. และขายในเดือนส.ค. ให้โอกาสชนะถึง 72% ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 9% รูปแบบตามฤดูกาลนี้สนับสนุนกลยุทธ์การเก็งกำไรที่ใช้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของผลประกอบการที่เกิดซ้ำในช่วงฤดูฝน ซึ่งสอดคล้องกับการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่เพิ่มขึ้น
  • ในระยะยาว – CKP คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการขยายกำลังการผลิตอย่างมีนัยสำคัญผ่านโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง (LPCL) ซึ่งมีกำลังและมีกำหนดเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2573 โดย CKP ถือหุ้นในสัดส่วน 50% โครงการนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นของ CKP จาก 1,003 MWe เป็น 1,733 MWe
  • ที่สำคัญสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ. โครงการ LPCL อยู่ที่ประมาณ 2.40 บาท/หน่วย ซึ่งสูงกว่าราคา PPA ปัจจุบันที่ประมาณ 1.90–2.00 บาท/หน่วยของ NN2 และ XPCL ซึ่งหมายถึงศักยภาพในการสร้างรายได้ต่อหน่วยที่สูงขึ้นจากโครงการใหม่
  • แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 3.70 บาท

- Advertisement -