ตลาดหุ้นโลกไร้ปัจจัย รอติดตามประชุมปลายสัปดาห์
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 10.45 จุด (+0.02%) ขณะที่ Nasdag ปรับลงค่อนข้างหนักจากแรงขายหุ้น NVIDIA โดยนักลงทุนรอดู Jackson Hole ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.2% นักลงทุนคาดการณ์ว่าเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับยูเครนอาจนำไปสู่การคว่ำบาตรรัสเซีย
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ เผยตัวเลขภาคอสังหาฯ ประกอบไปด้วยใบขออนุญาต ก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่พบว่ายอดสร้างบ้านใหม่รายงานที่ 1.43 ล้านหลังคา ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 1.29 ล้านหลังคาเรือน ส่วนใบขออนุญาตก่อสร้างรายงานที่ 1.35 ล้านใบอนุญาตแต่ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขค่อนข้างผสมผสาน นักลงทุนจึงมิได้ให้น้ำหนักมากนัก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เคลื่อนไหวทรงตัว แต่ทิศทางเริ่มปรับขึ้นพร้อมกับ Dollar Index ที่เริ่มกลับมาแข็งค่า CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนัก 86% ที่ FED จะลดดอกเบี้ยเดือนกันยายนและไปลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม มุมมองค่อนข้างเข้มงวดขึ้น เพราะก่อนหน้าเชื่อว่าจะลดดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง จากนี้รอติดตามการประชุม Jackson Hole ในช่วงปลายสัปดาห์ อาจมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย ทำให้ตลาดหุ้นช่วงนี้จะค่อนข้างเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าตลาด Price In ปัจจัยด้านเจรจาการค้าไปแล้ว
สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรที่มีนัยยะสำคัญ แต่ก็เริ่มเห็น SET INDEX ปรับตัวลงมาแล้ว 2.4% จากจุดสูงสุดเดิม ซึ่ง Price In ปัจจัยบวกเจรจาการค้าไปแล้ว ประกอบกับ Valuation เริ่มสูงผสานกับเผชิญแรงกดดันจากกระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มขายสุทธิ ขายสุทธิมาแล้ว 4 วันทำการติดต่อและมีแนวโน้มจะขายต่อ เพราะทิศทางเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่า โดยตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่แคว่งในแดนลบอาจสร้างแรงกดดันต่อหุ้นไทยในวันนี้ คืนนี้รอติดตามสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ -0.8 ล้านบาร์เรล
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1220 – 1240 มีความเสี่ยงปรับลงต่อเนื่อง รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นเอเชียที่แกว่งแดนลบ พร้อมแนะจับตาการขายของนักลงทุนต่างชาติที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแม้จะแนะลดพอร์ตการลงทุนไปก่อนหน้า แต่การปรับฐานลงมาเพียง 2.4% ยังไม่จูงใจสำหรับการเข้าสะสม แต่หากเน้นลงทุนระยะสั้นเน้นเลือกหุ้นปันผลสูง (ระหว่างกาล) ตัวที่น่าสนใจได้แก่ SCB TACC และด้วยหุ้น Tech ในสหรัฐฯ ปรับลงอาจสร้างแรงกดดัน กับหุ้นอิเล็กทรอนิกส์อาจเพิ่มความระมัดระวัง ส่วนหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจได้แก่การเงิน (MTC SAWAD) ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท)
กำไรสุทธิใน 2Q25 ออกมาแข็งแกร่งที่ 12.8 พันลบ. (+27.7% YoY, +2.3% QoQ) ด้านงบดุลแข็งแกร่ง NPL ratio ลดลงที่ 3.3% และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 158.7% กลยุทธ์ใน 2H25 เน้นดูแลคุณภาพสินเชื่อ และควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อลด Cost to income ratio (CIR) ชดเชยผลกระทบจากสินเชื่อที่ชะลอตัว
TACC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 79 ล้านบาท (+15%YoY,+8%QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ได้รับผลดีจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 16%YoY,9%QoQ จากการเข้าสู่ฤดูร้อนและการออกสินค้าใหม่ที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง แม้กำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก็ตาม