ไร้ปัจจัยเช่นเดิมรอดูท่าทีการเมืองในปลายสัปดาห์
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 147 จุด (+0.3%) แต่อย่างไรก็ตาม S&P500 ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนที่ NVIDIA จะเผยผลประกอบการ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.2% ได้ปัจจัยหนุนจากสต๊อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ก่อน
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ มีเพียงสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีข่าวสารใดๆ แต่ก็พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะอายุ 2 ปียังคงปรับลง สะท้อนถึงความคาดหวังเชิงบวกกับทิศทางการดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลาย ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 89% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน ทั้งนี้ภายหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการพบว่า NVIDIA ได้รายงานผลประกอบการ Q2FY26 พบว่ารายได้ขยายตัว 56%YoY 6%QoQ พร้อมกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 72.4% พร้อมกับกำไรสุทธิที่ขยายตัว 59%YoY หากเทียบกับที่คาดการณ์จาก Bloomberg Consensus พบว่าดีกว่าคาดเล็กน้อยราว 3.5% ภายหลังจากรายงานผลประกอบการพบว่าราคาหุ้น NVIDIA -3% สะท้อนถึงมุมมองผิดหวังจากนักลงทุน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าบริษัทเผยว่าการเติบโตกำลังชะลอตัวลง หลังจากที่ก่อนหน้า AI ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด รวมไปถึงปัญหาในจีน เพราะมีการจำกัดการส่งชิปไปยังจีน แต่อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหาร NVIDIA ยังประมินว่าโอกาสข้างหน้ามีอีกมหาศาล ระยะสั้นอาจสร้างแรงกดดันต่อหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ในไทยอย่าง DELTA
สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรที่มีนัยยะสำคัญ เพราะนักลงทุนรอติดตามการเมืองไทยในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับการดำรงค์ตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการประชุมดอกเบี้ยรอบล่าสุด ระบุว่าเศรษฐกิจขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ 1H25 ขยายตัวดีจากการส่งออกสินค้าและการผลิต แต่มองไปข้างหน้ามีแนวโน้มชะลอลงจากครึ่งปีแรก เพราะผลของมาตรการภาษีของสหรัฐฯจะซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้าง และความสามารถในการแข่งขัน มองกลุ่มอิงเศรษฐกิจอาจเผชิญความเสี่ยงแต่ Defensive จะมีผลกระทบจำกัด (โรงพยาบาล สื่อสาร)
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1235 – 1260 การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าต่อเนื่อง (วานนี้ขายสุทธิ 1.8 พันล้านบาท) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิเล็กน้อย 520 ล้านบาท ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนตลาดยังดูไร้ปัจจัยหนุน และมี Valuation แพง (ไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุน) อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นยังเลือกหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยลง อาทิ การเงิน (MTC SAWAD) อสังหาฯ (AP SPALL) ค้าปลีก (CPALL) รวมไปถึงนิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท)
ปัจจัยบวกจากยอดขายที่ดินที่ยังทำได้ดี รวมกับการมีลูกค้าที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาในช่วง 2H25 แล้วในมือกว่า 1,000 ไร่ และทำให้เป้าการขายทั้งปีของประเทศไทยมีการปรับขึ้นจากเดิม ส่วนปี 26 มีการเจรจาลูกค้ารายใหญ่อยู่ในมือแล้วกว่า 1,000 ไร่
AP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท)
ผู้บริหารยืนยันคงเป้าเปิดโครงการปี 2025 ที่ 6.5 หมื่นล้านบาท โดยใน 2H25 เหลือมูลค่าโครงการที่มีกำหนดรอเปิดอีก 5.3 หมื่นล้านบาท (1H25 เปิดแล้ว 18% ของเป้าปี) ซึ่งเรามองเป็นปัจจัยส่งเสริมต่อการฟื้นตัวของยอดขาย ประกอบกับคาดมีสัดส่วนการโอนคอนโด JV อัตรากำไรสูงที่มากขึ้น หนุนยอดโอนกรรมสิทธิ และอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นใน 2H25 แม้จะยังมีการแข่งขันราคาในตลาดแนวราบที่สูงก็ตาม