เก่งหลังเกมส์
SET Index เพิ่มขึ้น 4.30 จุด (+0.35%) ปิดที่ระดับ 1,249 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 271 บริษัท, หุ้นปรับลง 174 บริษัท) ดัชนีแกว่งกรอบแคบรอความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ นักลงทุนสบับกลุ่มเก็งกำไรเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว หุ้นปรับขึ้นเด่นนำตลาด คือ กลุ่ม ปิโตรฯ (PTTGC, IVL, IRPC), โรงกลั่น (TOP, SPRC, BCP), กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CPALL, CRC) และ กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, TIDLOR) ส่วน Sector ที่ปรับลง คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA), และธนาคาร (SCB, TTB, KKP)
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
PTTGC (+5.71%), IRPC (+4.67%), IVL (+0.46%) ปรับขึ้นเด่นรับข่าว บริษัท ปิโตรเคมีรายใหญ่ของญี่ปุ่น 3 แห่ง คือ Asahi Kasei, Mitsui Chemicals และ Mitsubishi Chemical ประกาศจะปรับลดกำลังการผลิตเอทิลีนเพื่อลดกำลังการผลิตส่วนเกิน หนุน Theme Anti Involution มีน้ำหนักมากขึ้นเนื่องจาก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ 3 ถัดจากจีน และ เกาหลีใต้ ที่ประกาศจะลดกำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมปิโตรฯ เคมี
MTC (+5.44%), SAWAD (+5.42%), TIDLOR (+3.72%) ดอกเบี้ยขาลง (Rate Cut Cycle) ยังเป็นธีมหลักหนุนแรงเก็งกำไรให้กับหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ ผสานการเมืองในประเทศคาดหวังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ผลักดันให้นักลงทุนสลับเก็งกำไรหุ้นที่จะได้ประโยชน์ก่อนการเลือกตั้ง อาทิ ค้าปลีก และ กลุ่มไฟแนนซ์
BH (+4.44%) อิงบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเรา คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q25F มีแนวโน้มกลับมาเติบโตได้ทั้ง q-q และ y-y หนุนจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ เบื้องต้นคาดจะมีกำไรสุทธิใน 3Q25F ประมาณ 2,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%q-q และ 4%y-y
SCB (-1.94%) ปัจจัยพื้นฐานยังดี ราคาหุ้นที่ปรับลงวันนี้เป็นผลของการขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่ง SCB จ่ายปันผลระหว่างกาล 2 บาทต่อหุ้น ให้ dividend yield 1.5% เรายังเลือกให้ SCB เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคารราคาเป้าหมาย 145 บาท