ONSENS จ่อเทรด SET ปีนี้ ประกาศกลยุทธ์เดินหน้าขยายสาขาแบรนด์ “ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา” และ “คลาย สปา” พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ปลายปี ขยายฐานลูกค้าในวงกว้าง ยกระดับธุรกิจสู่ Social Wellness Space ตอบรับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง

นายสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการออนเซ็นและสปาครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเข้ากับศาสตร์การนวดไทยที่มีเอกลักษณ์ และการให้บริการที่มีมาตรฐานการดูแลแบบ Omotenashi ใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อส่งมอบบริการที่เหนือความคาดหมายมากว่า 13 ปี โดยมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  “Holistic Wellness”

บริษัทฯ ให้บริการภายใต้ 2 แบรนด์หลัก ได้แก่ “ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา” บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นและร่วมกับสปาแห่งแรกในประเทศไทย โดดเด่นด้วยประเภทบ่อออนเซ็นที่มีความหลากหลาย รูปแบบสปาที่มีความหลากหลายครอบคลุมการนวดเพื่อผ่อนคลายและเพื่อเสริมความงาม ด้วยเทคนิคที่ออกแบบมาโดยเฉพาะและเป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันมี 4 สาขา แบ่งเป็นสาขาในประเทศไทย 3 สาขา ได้แก่ สุขุมวิท 26, สาทร 10 และพัทยา และในประเทศสิงคโปร์ 1 สาขา และ แบรนด์ “คลาย สปา” จำนวน 1 สาขา ย่านเยาวราช ให้บริการสปาในรูปแบบเดย์สปา ผสมผสานศาสตร์การนวดไทยโบราณเข้ากับเทคนิคการบำบัดสมัยใหม่ ภายใต้บรรยากาศที่เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยการตกแต่งภายในสาขาด้วยศิลปะรูปแบบไทยร่วมสมัย ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ

“ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา” บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นและร่วมกับสปาแห่งแรกในประเทศไทย
“คลาย สปา” จำนวน 1 สาขา ย่านเยาวราช ให้บริการสปาในรูปแบบเดย์สปา ผสมผสานศาสตร์การนวดไทยโบราณเข้ากับเทคนิคการบำบัดสมัยใหม่

อีกทั้ง ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อ Happy Rice ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด ตั้งอยู่ในสาขาของ ยูโนะโมริ ทุกสาขา และ ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ประเภทของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ชุดยูกาตะ ผ้าพันคอ แก้วกาแฟ ที่ได้ออกแบบร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียง โดยปี 2567 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากบริการออนเซ็นและสปาคิดเป็นร้อยละ 86.62 และรายได้จากการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์คิดเป็นร้อยละ 13.38

Happy Rice ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด

บริษัทฯ มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ People Development ยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการบริการของบุคลากร, Brand Strategy สร้างเอกลักษณ์แบรนด์ผ่านการตลาดเชิงสร้างสรรค์, Tech Integration การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการ และ Business Expansion การขยายสาขาเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการต่อยอดธุรกิจโดยจับมือกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมมาอย่างยาวนานเพื่อร่วมลงทุนในกิจการโรงแรม ซึ่งอยู่ในโครงการ Social Wellness Hotel & Spa โดยชูจุดแข็งในด้านการดูแลสุขภาพและไลฟ์สไตล์ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาด Wellness & Spa ครบวงจร อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้แตกไลน์แบรนด์ใหม่ในชื่อ PAK Massage โดยมีแผนการเปิดสาขาแรกช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

นายเพชร คงแสงไชย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัทฯ สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จุดแข็งคือการให้บริการออนเซ็นสปาแบบดั้งเดิม ที่ลอกเลียนได้ยาก ทั้งด้านเทคนิคการให้บริการหลากหลาย และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างรอบด้าน ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการออนเซ็นสปา เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 20,844 คนต่อเดือนในปี 2565 เป็น 26,075 คนต่อเดือน ในปี 2567 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 11.85 ต่อปี

สำหรับผลประกอบการ ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 288.64 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.40 จากปีก่อน มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึงร้อยละ 44.84 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 11.53 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 มีกำไรสุทธิ 33.29 ล้านบาท  ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำที่ 0.30 เท่า แสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ พร้อมสำหรับการขยายธุรกิจและสร้างรายได้ระยะยาว

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ONSENS เป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมออนเซ็นและสปาที่ให้บริการมานานกว่า 13 ปี โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากความหลงใหลในวัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นน้ำของประเทศญี่ปุ่น และวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสืบทอดภูมิปัญญาการนวดไทยซึ่งเป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศ บริษัทฯ จึงสามารถเป็นผู้บุกเบิกการให้บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นร่วมกับบริการสปาอย่างครบวงจรเป็นรายแรกในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2554 และสามารถบริหารกิจการให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง สามารถผ่านวิกฤตในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย ปัจจุบัน บริษัทฯ มีความพร้อมในการเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติคำขออนุญาตเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) ของ ONSENS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ มีแผนในการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 80ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.67 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้เพื่อ ลงทุนในโครงการ Social Wellness Hotel & Spa ทองหล่อในส่วนพื้นที่สำหรับให้บริการออนเซ็นและสปา และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจ รองรับความต้องการเมกะเทรนด์ ด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมากในอนาคต จากเทรนด์ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตสูงขึ้น

- Advertisement -