บล.กสิกรไทย:
KLINIQ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความงามก็ยังคงขายได้
คงแนวทางปี 2568
- KLINIQ ยืนยันเป้าหมายยอดขายเงินสดที่ 3.5 พันลบ.และอัตรากำไรสุทธิ 12% โดยระบุว่ายอดขายเงินสดเดือนก.ค. ยังน่าจะทำให้บรรลุเป้าทั้งปี และยอดขายเงินสดไตรมาส 3/2568 น่าจะสูงกว่าในไตรมาส 2/2568 อีกทั้งคาดรายได้และอัตรากำไรจะดีขึ้นในครึ่งหลังปี 2568 โดยบริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาใหม่ 4 แห่งในไตรมาส 3/2568 และอีก 1 แห่งในไตรมาส 4/2568
- ส่วนความตึงเครียดกับกัมพูชาไม่มีผลกระทบ ขณะที่ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่จะปรับลดลงยังไม่ได้ก่อให้เกิดผลบวก ทั้งนี้ KLINIQ ผ่านคุณสมบัติการย้ายจากตลาดฯ MAI ไป SET ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปีนี้
LabX เป็นธุรกิจเรือธง
- LabX เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลัก โดยมียอดขายเงินสดที่สูงขึ้นจากการขยายสาขาและรายได้ต่อสาขาที่ดีขึ้น แนวโน้มแบรนด์ที่แข็งแกร่งและการทำการตลาดช่วยให้การใช้บริการฟื้นตัวในไตรมาส 2/2568 หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไตรมาส 1/2568
- ทั้งนี้ การเติบโตยอดขายต่อเนื่อง การประหยัดต่อขนาด และการควบคุม SG&A ที่ดีขึ้นช่วยเสริมสถานะเรือธงของแบรนด์
ความกังวลเกี่ยวกับการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ลดลง
- รายได้จากศูนย์ศัลยกรรมเติบโต แต่อัตรากำไรลดลง QoQ เหลือ 41.3% ในไตรมาส 2/2568 เนื่องจากสัดส่วนหัตถการที่มีอัตรากำไรต่ำเพิ่มขึ้น อัตราการใช้ห้องผ่าตัดปัจจุบัน รวมห้องผ่าตัดที่เช่าด้วยอยู่ที่ 55% การเปิดโรงพยาบาลน่าจะรอจนกว่าอัตราการใช้ห้องผ่าตัดจะเพิ่มขึ้นอีก
มุมมอง KS : ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KLINIQ เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/2568 แสดงให้เห็นการฟื้นตัวของอัตราการใช้บริการ แนวโน้มยอดขายเงินสดที่เพิ่มขึ้น และการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้น ธุรกิจความงามเครือข่ายแสดงให้เห็นข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความต้องการยังคงแข็งแกร่ง