บล.กสิกรไทย:
COCOCO กำไรช่วงครึ่งหลังของปี 68คาดว่าจะฟื้นตัวในไม่ช้า
- ผู้บริหารปรับลดเป้ายอดขายปี 68 ลงจาก 1 หมื่นลบ. เป็น 8 พันลบ. แต่คงมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของ GPM ในไตรมาส 3/68 และการเติบโตของยอดขายช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เชิง YoY
เรามีมุมมองที่เป็นบวกบวกเล็กน้อยต่อการประชุมครั้งนี้
- ประการแรก เราคาดว่ากำไรไตรมาส 3/2568 จะฟื้นตัว QoQ และจะดำเนินต่อไป เนื่องจากราคามะพร้าวผลแห้งเดือน ก.ค. และ ส.ค. มีแนวโน้มลดลง เราพบว่าราคามะพร้าวผลแห้งในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 16.5 บาท (-18% QoQ) เทียบกับราคาเฉลี่ยไตรมาส 2/2568 ที่ 20 บาท ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะช่วยกระตุ้น GPM ของทั้งกลุ่มน้ำมะพร้าวและกะทิในไตรมาส 3/2568
- ประการที่สอง ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ใหม่ไว้ที่ 8 พันลบ. ซึ่งแสดงให้เห็นถึง upside risk ที่ 5% ต่อประมาณการรายได้ปี 2568 ของเราที่ 7.6 พันลบ. และบ่งชี้ว่ารายได้ครึ่งหลังของปี 2568 จะเติบโต 28.5% YoY เทียบกับสมมติฐานของเราที่ 17.4% YoY
แนวโน้มวัตถุดิบ
- จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ณ เดือน ส.ค. ราคามะพร้าวผลแห้งอยู่ที่ 16.2 บาท ลดลง 3% MoM แต่เพิ่มขึ้น 24% YoY โดยการลดลงเชิง MoM เกิดจากอุปทานมะพร้าวที่เพิ่มขึ้นหลังปรากฏการณ์ลานีญา ที่ส่งผลให้ปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น และผลผลิตมะพร้าวสูงขึ้น ราคามะพร้าวผลแห้งเฉลี่ยตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง ส.ค. อยู่ที่ 19.4 บาท เพิ่มขึ้น 36% YoY
- ขณะเดียวกัน ข้อมูลของชมรมมะพร้าวนานาชาติ ระบุว่าราคามะพร้าวผลแห้งในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เดือน ส.ค.อยู่ที่ 320 ดอลลาร์สหรัฐฯ/เมตริกตัน และ 309 ดอลลาร์ฯ/เมตริกตัน เทียบกับเดือน ก.พ. ที่ 341 ดอลลาร์ฯ/เมตริกตัน และ 292 ดอลลาร์ฯ/เมตริกตัน ตามลำดับ จนถึงขณะนี้ ราคามะพร้าวผลแห้งค่อนข้างถูกกว่าในไทยประมาณ 20%
มุมมอง KS : เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” COCOCO และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569 ไว้ตามเดิมที่ 9.08 บาท แม้ว่าการฟื้นตัวของกำไรไตรมาส 2/2568 จะช้ากว่าที่เราคาดการณ์ไว้ แต่เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ในระยะยาว เนื่องจากราคามะพร้าวผลแห้งมีแนวโน้มลดลง และบริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของรายได้ และส่งผลให้การประหยัดต่อขนาด (operating leverage) เพิ่มสูงขึ้น