ก้าวเดินของ ดุสิตธานี จากมูลค่าที่ซ่อนอยู่ สู่ศักยภาพไม่มีที่สิ้นสุด จากรากฐานที่มั่นคง สู่รายได้กว่า 10,000 ล้านบาท

ตัวเลขบนงบการเงินของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ที่กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในช่วงเวลานี้ อาจสะท้อนเพียงความท้าทายในระยะสั้น ที่ยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ คือ การโอนโครงการที่พักอาศัย “ดุสิต เรสซิเดนเซส” (Dusit Residences) มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท

รายได้กว่า 16,000 ล้านบาท ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ดุสิตธานี ที่ถูกสั่งสมมายาวนาน

เป็นมูลค่าที่ถูก “ซุกซ่อน” อยู่ ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2559 ที่ “ดุสิตธานี” ได้วางรากฐานใหม่อย่างแข็งแกร่ง เพื่อรอวันนี้ วันที่ “มูลค่า” เหล่านั้นจะทะยานขึ้นมาให้ทุกคนได้รับรู้ ถึง “ศักยภาพ” ที่ทำให้ “ดุสิตธานี” สามารถเติบโตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดนับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป

วันนี้ ดุสิตธานีกำลังยืนอยู่บน จุดเปลี่ยนสำคัญ สู่การเติบโตที่แข็งแรงและยั่งยืนในระยะยาว แต่วันเวลาเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้รับการวางรากฐานอย่างมั่นคงในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา

จากรายได้ 5,000 ล้านบาท ผ่านมา 10 ปี ทะยานสู่ 10,000 ล้านบาท

แม้ว่า สิ่งที่ปรากฏในงบการเงินของ “ดุสิตธานี” ในวันนี้ และเป็นสิ่งที่ทุกคนรับรู้ คือ ผลขาดทุนสะสมกว่า 1,250 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทฯ งดจ่ายเงินปันผลตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่ “ความจริง” ก็คือ บริษัทฯ กำลังสร้าง “รายได้” ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนถึงเท่าตัว จากปี 2557 ที่กลุ่มดุสิตธานีมีรายได้รวม 5,370 ล้านบาท เพิ่มเป็น 11,204 ล้านบาทในปี 2567 และกำลังจะเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น

เพราะ จุดเปลี่ยนที่กำลังจะมาถึง คือ การรับรู้รายได้จากการขายโครงการ “ดุสิต เรสซิเดนเซส”  (Dusit Residences) ที่ขายไปแล้ว 90% มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยโอนในช่วงปลายปีนี้จนถึงปี 2569 รวมถึงโรงแรมอีกกว่า 50 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในแผนการขยายธุรกิจของดุสิตธานี นี่คือรากฐานที่จะขับเคลื่อนดุสิตธานีให้ก้าวไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

มองให้ไกลกว่า “ขาดทุน” จะพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่

แม้ตัวเลขขาดทุนในอดีตจะเป็นบรรทัดสุดท้าย แต่ในระหว่างการเดินทางของ “ดุสิตธานี” ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่นั้น มี “ศักยภาพ” ที่ซ่อนอยู่อย่างมีนัยสำคัญ จากธุรกิจที่มีเพียง 2 ธุรกิจหลัก วันนี้ “ดุสิตธานี” ขยายไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องและพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 5 ธุรกิจ จากโรงแรมและวิลล่า 27 แห่ง เพิ่มเป็น 297 แห่ง โดยเป็นโรงแรม 57 แห่ง และวิลล่า 240 หลัง จากจุดหมายปลายทางใน 8 ประเทศทั่วโลก ขยายสู่ 18 ประเทศทั่วโลก และจากแบรนด์โรงแรม 4 แบรนด์ วันนี้ “ดุสิตธานี” มีแบรนด์ภายใต้การบริหารถึง 9 แบรนด์ ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า

ที่สำคัญกว่านั้น คือ “ดุสิตธานี” เชื่อว่า คนคือหัวใจสำคัญ

เราให้ความสำคัญกับพนักงานกว่า 20,000 คนทั่วโลก แม้ในช่วงที่ต้องเผชิญความยากลำบากท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 แต่ “ดุสิตธานี” ยังคงยืนยันที่จะลงทุนใน “ทุนมนุษย์” โดยไม่มีนโยบายปลดพนักงาน และพร้อมที่เดินหน้าฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ซึ่งวันนี้ เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การรักษาพนักงานไว้และอดทนรอจนวิกฤตผ่านพ้น ทำให้เรา “พร้อม” ที่จะเดินหน้าให้บริการด้วยมาตรฐานของ “ดุสิตธานี” อย่างทันท่วงที และทั้งหมดนั้น เป็นบทพิสูจน์ว่า แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่ “ดุสิตธานี” ยังคงมุ่งมั่นกับการสร้างรากฐานที่ยั่งยืน เพื่อส่งต่อความแข็งแกร่งและมั่นคงให้กับองค์กร ในช่วงเวลาสำคัญที่เป็น “รอยต่อ” ของการเปลี่ยนแปลง

พร้อมขับเคลื่อนการเติบโต ด้วยความเชื่อมั่นและการยอมรับในระดับโลก

การลงทุนในโครงการ Dusit Central Park มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ด้วยวิสัยทัศน์อันกล้าหาญ ที่จะพลิกโฉมดุสิตธานีและปลดล็อคคุณค่าในระยะยาว

ทีมบริหารของ “ดุสิตธานี” ดำเนินธุรกิจภายใต้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน สะท้อนจากอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และด้วยการยอมรับในระดับโลก การันตีด้วยรางวัลจาก Michelin Key และ Travel + Leisure Southeast Asia Luxury Awards

“ดุสิตธานี” ยืนหยัดในความเป็นเลิศ และอุตสาหกรรมทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ภายใต้หลักความยั่งยืนและธรรมาภิบาล ทั้งจากโครงการ Tree of Life ทั่วทั้งกลุ่ม การได้รับการรับรองการต่อต้านการคอรัปชั่นจาก CAC รวมถึงความเป็นเลิศด้านบรรษัทภิบาลด้วย CG Score ระดับ 5 ดาว และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมISO14001:2015 จำนวน 5 ใบรับรอง

ทุกก้าวของดุสิตธานี คือ การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หมายรวมถึงสังคม และชุมชน

ทั้งหมดนั้นเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่มากกว่า “งบกำไรขาดทุน” คือ “คุณค่าที่แท้จริง” เป็น “กำไรที่แท้จริง” ของดุสิตธานี ที่ไม่ได้อยู่แค่ในงบการเงิน แต่หมายถึง “แบรนด์-ผู้คน และการลงทุนระยะยาว”  และนั่น จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ “ดุสิตธานี” แบรนด์ไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

- Advertisement -